0

Traveloka TH

01 Apr 2019 - 11 min read

2 วัน 1 คืน เที่ยวเขาคิชฌกูฏ เก๋กู้ดกับเพื่อนสาว

มือใหม่หัดลองรีวิว อยากเป็นบล็อกเกอร์สายเที่ยวกับเค้าดูมั่งค่ะ ผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ก่อนนะคะ :) ต้องบอกก่อนว่าทริปนี้เป็นความตั้งใจที่อยากจะไปอยู่แล้วแต่ยังไม่มีเพื่อนร่วมทริปด้วย แล้วพอดีเพื่อนก็โทรมาชวน เราก็เลยตกลงไปด้วยค่ะ ในเมื่อมีโอกาสแล้วมีหรือที่เราจะพลาด เพราะเขาคิชฌกูฏเปิดให้ได้ขึ้นไปสักการะปีละครั้งเท่านั้น ที่จะได้เดินขึ้นไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาท และนี่เป็นครั้งแรกของเราทั้ง 3 คน

เราไปกับเพื่อน 3 คน ขับรถไปกันเองค่ะ เริ่มออกเดินทางจากบ้านเพื่อนเวลา 8.00 น. จุดหมายปลาทางที่แรกที่เราจะไปคือร้าน Kays espresso bar

เป็นร้านคาเฟ่ชื่อดังในตัวเมืองจันทบุรี ต้องบอกเลยว่าเรามาตามรีวิว เพราะร้านนี้เค้าดัง รีวิวเพียบ เรากับเพื่อนเลยมาตามรอยรีวิว เวลาประมาณบ่ายโมงพอถึงร้านปุ๊บ ก็รีบลงไปสั่งปั๊บ เพราะตอนนั้นหิวมากๆเลือกที่นั่งเสร็จ เราก็เดินไปสั่งเมนูคาราเมล มัคคิอาโต 2 แก้วเพราะเพื่อนก็อยากทานเหมือนกัน อีกคนสั่งสตรอเบอร์รี่ปั่น ไม่ได้สั่งขนมหวานเพราะว่าเรามีแพลนจะไปหาของทานเล่นที่ชุมชนขนมแปลกอยู่แล้ว ระหว่างรอเมนูเราก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพบรรยากาศภายในร้าน

เราเลือกที่นั่งโต๊ะตรงนี้เลยค่ะการตกแต่งดูดีมากๆ พนักงานให้การบริการดีมากแต่งตัวดีทุกคนเลยค่ะ เชิ๊ตขาวกับกางเกงขายาวและใส่สายเอี๊ยม น่ารักดีค่ะ ตู้ข้างหน้าเราเป็นเค้กมีให้เลือกหลายเมนูเหมือนกัน ใครที่ได้แวะไป ลองสั่งมาทานกันดูนะคะ

นั่งคุยกันสักพักเครื่องดื่มที่สั่งก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ พวกบ้าโซเชียลอย่างพวกเราก็ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปเครื่องดื่มและเช็คอินลงทุกแอพพลิเคชั่นทั้งหมดที่มี 555 เพื่ออวดภาพสวยๆกับเพื่อนๆ ^^

คาราเมลมัคคิอาโต รสชาติอร่อย มัวแต่ถ่ายภาพจนเครื่องดื่มละลายเลยค่ะ นี่แค่บรรยากาศภายในร้าน ยังเสียเวลาถ่ายภาพกันขนาดนี้ เรากับเพื่อนก็ไม่รีรอที่จะไปเดินชมบรรยากาศรอบๆ และแชะภาพเก็บไว้ เห็นในรีวิวบรรยากาศข้างนอกก็สวยงามมีมุมให้ถ่ายภาพเยอะมากๆ ได้ภาพกันไปคนละหลายร้อยภาพ...สวยทุกมุมจริงๆ ค่ะ

มุมสวนด้านนอกร้านค่ะ

ระหว่างทางเดินไปห้องน้ำกับสวนด้านนอกติดกับลานจอดรถค่ะ เห็นอะไรแบบนี้ไม่ได้ชอบมากขอยืมเป็นแบล็คกราวด์สักหน่อย แดดร้อนแค่ไหนเรากับเพื่อนก็สู้มาก... มุมในห้องน้ำยังสวยเลยค่ะ หรูหราหมาเห่า...แอร์เย็นเฉียบ เห็นกระจกไม่ได้ขอแชะสักสองสามภาพนะ

ตามหาห้องน้ำแต่ดันไม่เข้ากัน แค่อยากเข้าไปดูไปถ่ายรูปแค่นั้นจริงๆ พอได้ภาพที่ต้องการ ย้ายไปถ่ายมุมอื่นต่อ 555

ส่วนมุมนี้เป็นมุมฮิตอีกหนึ่งมุมที่ใครมาแล้วต้องหยุดถ่ายถาพค่ะ เป็นช่องทางเดินเล็กๆแต่มีกิมมิค แสงและเงาดีจริงๆ

ที่นั่งด้านนอกใก้ลกับลานจอนรถ เหมาะวำหรับคุณผู้ชายที่นั่งระหว่างรอสาวๆเค้าหามุมถ่ายภาพค่ะ เพราะด้านหน้าโซนนี้เป็นมุมถ่ายภาพเพียบเลย

สวนน่านั่งตรงนี้ถ่ายรูปสวยค่ะ มุมถ่ายภาพเยอะจริงๆ ใครชอบเขียวๆพื้นที่ตรงนี้จัดเลยค่ะ กำลังเก็บภาพบรรยากาศ หันไปอีกที เพื่อนเราไปนั่งอยู่ตรงนั้นเรียบร้อยแล้ว :)

จะนั่งเล่นเก้าอี้เก๋ๆรายล้อมด้วยต้นไม้ร่มรื่นสีเขียวสดใสให้อากาศเย็นสบาย หรือจะถ่ายคู่กับน้องกระต่ายสุดคิ้วท์ก็น่ารัก มุมนี้ก่อนถึงที่จอดรถค่ะ บอกแล้วว่าร้านนี้ถ่ายภาพสวยทุกมุมจริงๆ ซื้อเครื่องดื่มแก้วเดียวได้ภาพเป็นร้อยเลยค่ะ :)

บ่ายแก่ๆแล้วเราก็หิวมากๆอย่างที่บอกไว้ค่ะว่าเราจะไปต่อกันที่ชุมชนขนมแปลก ริมคลองหนองบัว จันทบุรี ขนมชื่อแปลก แต่หน้าตาน่ารัก พอถึงแล้วเราก็ลุยเลยค่ะ

เดินเข้าไปเจอร้านแรก ขนมแดกงา แวะซะหน่อย ชิมแล้วอร่อยนะคะ แล้วเราก็ซื้อมากล่องนึงค่ะ แหม...นึกว่าจะเหมาหมดเลยใช่ไม๊คะ? กลัวซื้อเยอะแล้วไม่ได้กินอย่างอื่นน่ะสิคะ :)

เดินไปเรื่อยๆมีขนมชื่อแปลกเยอะมากๆ พ่อค้าแม่ค้าน่ารักมากๆค่ะ คอยแนะนำที่มาที่ไปของขนม แนะนำสถานที่ถ่ายภาพ ราคาไม่แพงกล่องละ 15 บาท 20 บาท ซื้อติดไม้ติดมือเป็นของฝากได้กลับมาหลายกล่องเลยล่ะค่ะ

มุมภ่ายภาพชิคๆริมถนนของชุมชนแห่งนี้...

ขนมที่ชื่อแปลกสุดๆและสะดุดตาเรา เช่น ขนมควยลิง(อย่าคิดว่าลามกนะคะขนมชื่อนี้จริงๆค่ะ) ขนมพระพาย(เป็นขนมที่แม่ค้าบอกว่ารสชาติคือลูกชุบผสมโมจิ เราว่าอร่อยมาก...) แล้วก็มีอีกชื่อนึงที่เรากับเพื่อนอ่านแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ นั่นก็คือ น้ำเยี่ยววัว อ่านแล้วหันมามองหน้ากัน 555 :) ไม่กล้ากินเลยค่ะ

หลังจากเดินและกินกันจนอิ่มได้เวลาเช็คอินเข้าที่พักชบารีสอร์ทเพราะอยู่ใกล้กับทางขึ้นเขาคิชฌกูฏ หลังจากเช็คอินเสร็จเราพักผ่อนกันตามอัธยาศัย ซึ่งที่พักครั้งนี้เราจองผ่านเว็บ Travelokaสนใจจองห้องพักชบารีสอร์ทเข้าไปดูได้ในเว็บเลยค่ะ >>https://www.traveloka.com/th-th/hotel/thailand/chaba-resort-3000020012614

เวลา 17.00 น. เราก็ออกจากที่พักไปกันต่อที่ชุมชนริมน้ำจันทบูรไปหาของทานเล่น ไปเดินเล่นถ่ายรูป รับลมชมบรรยากาศยามเย็นของชุมชนแห่งนี้

แอบถ่าย... (ถ่ายซ้อนถ่าย) 555 สวยแล้วค่ะเพื่อน

ซอยนี้เจอแบบนี้ไม่ถ่ายรูปได้ยังไงไหวคะ 555 ไม่สวยไม่มั่นใจไม่กล้าถ่าย q:

ชุมชนริมน้ำจันทบูร เป็นอีกหนึ่งที่ที่เรากับเพื่อนชอบเหมือนกันค่ะ มีมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะ ร้านอาหารน่านั่ง บรรยากาศกำลังดี มาเดินช่วงเย็น ลมเย็นๆพัดผ่านตลอดทางอากาศดีไม่ร้อนเลยค่ะ หลังจากเดินเล่นถ่ายรูปกันจนเหนื่อยแล้ว หิวกันอีกแล้ว 555 เราก็เลยไปหาอาหารเย็นทานกัน และมื้อสุดท้ายของเราในวันนี้ก็คือหมูกะทะค่ะ ทานกันไปจนอิ่มแปร้ หลังทานเสร็จได้เวลากลับเข้าที่พักแล้วค่ะ เพราะว่าพรุ่งนี้เราต้องรีบตื่นแต่เช้ามืด เพื่อจะได้ไปขึ้นเขาตอนคนไม่เยอะมากและอากาศไม่ร้อนมากด้วย

เช้าวันขึ้นเขาคิชฌกูฏเราตื่นกันตี 3 ค่ะ เตรียมตัวเก็บกระเป๋าเช็คเอาท์ออกจากที่พักเดินทางถึงท่ารถที่จะพานักท่องเที่ยวขึ้นเขาที่ท่ารถวัดพลวงประมาณ 05.30 น. ซื้อบัตรคิวรถขึ้นเขา 100 บาท/คน สำหรับใครที่ซื้อดอกดาวเรืองขึ้นไปไหว้รอยพระพุทธบาทนั้นซื้อได้ค่ะ แต่ให้นำใส่กระเป๋าเป้ไป เพราะถึงแล้วเจ้าหน้าที่เค้าจะตรวจและอนุญาตให้นำไปไหว้ได้แค่พระสิวลีก่อนทางขึ้นไปรอยพระพุทธบาทเท่านั้น ไม่อนุญาตให้นำขึ้นไปไหว้ที่รอยพระพุทธบาทได้ค่ะ

พอถึงคิวเราปุ๊บรีบวิ่งขึ้นรถทันที เพื่อจะได้นั่งหลังได้ที่นั่งในสุด

ภาพที่ถ่ายไว้มันก็จะสั่นๆหน่อย 555 เป็นประสบการณ์การเดินทางที่สนุกมากๆ นับถือคนขับรถเขาคิชฌกูฏจริงๆค่ะต้องฝึก ต้องรู้จังหวะกัน เพราะเค้าไม่ได้ขับเลนใครเลนมันนะคะ เดี๋ยวซ้ายเดี๋ยวขวาเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง แล้วทางชันบ้างเป็นบางจุดคดเคี้ยวบ้าง เรากับเพื่อนต้องหาที่จับให้มั่น ไม่งั้นไปเบียดคนข้างๆแน่ๆเลยหรือไม่เราอาจจะตกจากรถได้ แต่ถ้าคนข้างๆเป็นผู้ชายเรายอมปล่อยมือแถมจะรีบโน้มตัวไปเลยค่ะ อิอิ^^ หวาดเสียวแต่สนุก อยากลุกแต่กลัวล้มทับคนอื่น 555 อยู่บนรถอากาศดีเย็นสบายมาก ชิวๆ

ระหว่างทางเดินขึ้นเขาจะมีจุดแวะพักหลายจุด ก่อนเดินขึ้นตรงนี้เดินไม่ไกลขอถ่ายกับป้ายหน่อยว่าให้รู้ว่ามาแล้วนะ ขาขึ้นหน้าพวกเรายังเต็มรองพื้นแน่น ลิปสติกยังติดทนและเป๊ะเวอร์ ไม่ถ่ายตอนนี้ ถ่ายตอนขาลงหน้าซีดแน่นอน เผื่อเปลี่ยนใจไปลงทางลัดอาจจะไม่กลับมาจุดเดิม

ระหว่างทางเดินขึ้นเขาเราก็เดินไปคุยไป ไหว้พระขอพร ปิดทองกันไประหว่างทาง เราขอพรที่เราอยากจะขอเพียงข้อเดียวไปตลอดทาง...

ระหว่างทางเดินขึ้นเขาอากาศดีเย็นสบาย มีหมอกจางๆและน้ำค้าง

และแล้วเราก็ถึงแล้ว.....ถึงรอยพระพุทธบาท? ไม่ค่ะ ถึงประตูสวรรค์ 555 จุดแวะพักอีกหนึ่งจุดที่มีน้ำชาไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว เดินมาเหนื่อยๆได้จิบชาร้อนๆ หายเหนื่อยเลยค่ะ นั่งพักสักหน่อยค่อยเดินต่อ

ระหว่างทางเดิน

จุดนี้เป็นอีกจุดนึงที่เข้าไปกราบขอพรและเข้าไปดูรอยเท้าของเสือใหญ่ เราไหว้พระขอพรและเดินชมบรรยากาศโดยรอบ เงยหน้าขึ้นมาเห็นภาพนี้พอดี เรามองแล้วทำให้รู้สึกว่ามันมีอะไร เราก็บอกไม่ถูก แต่มองแล้วมันสวยงาม มันทำให้เราสงบ เย็นใจอย่างบอกไม่ถูก ขอถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก ยามนึกถึงจะได้กลับมาดูแล้วนึกถึงความรู้สึกวันนั้น

และแล้วเราก็มาถึงแล้ว...ถึงแล้วจริงๆค่ะ ได้มาเห็นกับตาตัวเองแล้ว ได้ขึ้นมากราบสักการะรอยพระพุทธบาท เมื่อเราถึงรอยพระพุทธบาทเรากับเพื่อนไปถวายสังฆทานและผ้าไตรที่เตรียมมาเอง จากนั้นก็ไปต่อคิวเข้ากราบนมัสการรอยพระพุทธบาท สำหรับใครที่กังวลว่าจะมาขอพรถูกไม๊? ไม่ต้องห่วงค่ะ ที่นี่มีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำวิธีกราบนมัสการว่าให้ทำอย่างไร ปิดทองกี่จุด ตรงไหนบ้าง ตอนนั้นอากาศเย็นค่ะ มีหมอกจางๆ ไม่มีแดดให้เห็นเลย

กราบนมัสการรอยพระพุทธบาทจริง ข้างๆจะมีอีกรอยซึ่งเป็นแบบจำลอง พอเรากราบนมัสการเสร็จเรียบร้อย ไหนๆก็มาแล้วเราต้องไปให้ถึงจุดสิ้นสุดแดนบุญ ที่เค้าเรียกว่า ผ้าแดง เราก็เดินขึ้นไปเรื่อยๆ ตอนนั้นเริ่มเหนื่อยแล้วค่ะ แต่มาแล้วก็ต้องไปให้ถึง

พอถึงก็เขียนชื่อ นามสกุล และคำขอพรข้อเดียวที่เรามาขอกับรอยพระพุทธบาทลงบนผ้าแดง แล้วเดินเวียนขวาทั้งหมด 3 รอบ กราบนมัสการ และนำผ้าแดงที่เราเขียนชื่อและคำขอไปผูกไว้กับต้นไม้ (ขั้นตอนการขึ้นไปผ้าแดง เขียน-เวียน-กราบ-ผูก) คนผูกไว้เยอะมาก ผูกผ้าแดงเสร็จเราก็เดินกลับทางลัดที่ลงไปทางขึ้นรถท่าวัดพลวง ขากลับเข่าสั่นกันหมด ปวดเข่า บางจุดทางชันและลื่นเพราะมีหินต้องระวังๆกัน ตอนนั้นเดินกันไม่พูดไม่จาเพราะแค่แรงเดินจะไม่ค่อยมี แล้วจะไปพูดอะไรกับใครได้ 555 ระหว่างเดินลงคุยกับพี่ๆที่เดินมาพร้อมกันเค้าเล่าว่า "พี่ได้ยินมาว่าถ้ามาแล้วอยากให้พรเราได้ผลสำเร็จให้มา 3 ครั้ง แต่พี่ไม่ไหวปีนี้มาแล้ว ไว้ปีหน้ามาใหม่ มาปีละครั้งดีกว่า 555" ระหว่างนั้นก็เดินไปคุยไปเรื่อย :) เดินลงมาถึงท่ารถขากลับก็ซื้อบัตรคิวคนละ 100 บาท ขาลงเขาวิวสวยและภาพชัดมากๆ ต้องมาเห็นและมาลองประสบการณ์แบบพวกเรา

ที่นี่เปิดให้ขึ้นเขาปีละครั้งเท่านั้น ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ช่วงเดือน ก.พ.-เม.ษ. ของทุกปี ส่วนปีนี้ใครที่สนใจอยากไป ยังเปิดอยู่นะคะตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. – 5 เม.ย. 62 ค่ะ จะมาแบบ one day trip กับขสมก.ก็มีให้บริการ หรือจะขับรถมาเองแล้วมาเที่ยวแบบ 2 วัน 1 คืน ก็ถือซะว่าได้มาพักผ่อน ได้เที่ยว ได้ทำบุญไปด้วยเลยค่ะ :)

จองทีพักจันทบุรีกับ Traveloka

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร