0

Traveloka TH

02 Apr 2019 - 4 min read

15 ที่เที่ยวนครพนม ที่สายมูต้องไป และสายอาร์ตก็ต้องฟิน!

รวมเส้นทางที่เปิดให้คุณเที่ยวฟินแบบจัดเต็มในช่วงนี้! เข้ามาเช็คข้อมูลการเดินทาง พร้อมวิธีเตรียมตัวก่อนออกทริปได้ที่ Safe Travel Page คลิกเลย

นครพนมเป็นที่รู้จักกันในนามเมืองสุขสงบสุดสโลว์ไลฟ์ที่เหมาะกับการมาพักจิตใจและสายตาไปกับวิวสวยๆ และอากาศดีๆ แต่คราวนี้เราจะขอพาไปเที่ยวนครพนมแบบเอาใจสายบุญและสายมูเตลูกันบ้าง กับ 8 พระธาตุประจำวันเกิดที่รวบรวมเอาไว้ครบจบในที่เดียว ณ เมืองนี้ แล้วยังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่ศรัทธาของชาวนครพนมเป็นอย่างยิ่งอีกหลายแห่ง แล้วไปปิดท้ายกันกับสถานที่สวยๆ สถาปัตยกรรมงามๆ แปลกตาแบบนานาชาติ ที่สายอาร์ตน่าจะโดนใจ ส่วนจะเป็นอะไร ที่ไหน ยังไง รีบมองหาตั๋วเครื่องบินราคาดีจาก Traveloka ในราคาที่โดนใจ แล้วออกเดินทางไปพร้อมกันได้เลย!

1. พระธาตุพนม

หนึ่งในที่สุดของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำภาคอีสานซึ่งมีตำนานความเป็นมาอันเก่าแก่ รวมถึงเป็นศูนย์รวมใจและรวมความศรัทธาไม่ใช่เฉพาะแค่ชาวอีสานเท่านั้นนะ แต่ยังรวมถึงคนไทยทั้งประเทศและบ้านพี่เมืองน้องอย่างชาวลาวที่ให้ความเคารพเชื่อถือกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนานอีกด้วย เชื่อกันว่าพระธาตุพนมมีอายุกว่า 2 พันปี โดยมีตำนานเริ่มมาตั้งแต่สมัยปี พ.ศ.8 ภายในบรรจุพระอุรังคธาตุหรือกระดูกส่วนอกขององค์พระพุทธเจ้าเอาไว้ ได้ชื่อว่าเป็นพระธาตุประจำปีของคนที่เกิดปีวอก รวมถึงเป็นพระธาตุประจำวันของคนเกิดวันอาทิตย์อีกด้วย เชื่อกันว่าถ้าใครได้มากราบนมัสการองค์พระธาตุครบ 7 ครั้งขึ้นไป จะได้เป็น ลูกพระธาตุ มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตอย่างยาวนานตลอดไป เอ้า แล้วจะรอช้าอยู่ทำไม? ไปค่ะ เริ่ม!

2.พระธาตุเรณู

เป็นพระธาตุประจำวันของคนเกิดวันจันทร์ โดยมีรูปร่างลักษณะเป็นการจำลองรูปแบบของพระธาตุพนมมาเป็นส่วนใหญ่ สร้างขึ้นตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2460 เชื่อกันว่าภายในได้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ พระไตรปิฎก พระพุทธรูปสำคัญ และแก้วแหวนเงินทองอีกมากมาย ที่ผู้มีจิตศรัทธาในสมัยก่อนถวายไว้เป็นพุทธบูชา ภายนอกองค์พระธาตุสวยสะดุดตาด้วยสีชมพูงดงามสบายตา เชื่อกันว่าใครได้มากราบไหว้จะมีรูปร่างหน้าตาสวยงามผิวพรรณผ่องใส หล่อสวยกันได้แบบไม่ต้องใช้มีดหมอเลยเด้ออออ

3.พระธาตุศรีคุณ

อีกหนึ่งพระธาตุเก่าแก่ ที่มีผู้ค้นพบเมื่อ พ.ศ. 2340 และไม่ปรากฏว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยใด พระธาตุองค์นี้ได้ชื่อว่าเป็นพระธาตุประจำวันของคนวันอังคาร และนับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวอำเภอนาแก ภายในบรรจุพระอรหันตธาตุของพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร และพระสังกัจจายนะ เชื่อกันว่าหากใครได้ไปกราบนมัสการจะทำให้มีศักดิ์ศรีทวีคูณ รวมถึงมีจิตใจที่เข้มแข็ง เป็นนักสู้ คล้ายกับลักษณะนิสัยของผู้ที่เกิดวันอังคารนั่นเองจ้า เรียกง่ายๆ ว่าถ้าอยากสตรองต้องลองมา

4. พระธาตุมหาชัย

เป็นอีกหนึ่งปูชนียสถานที่สำคัญในเมืองนครพนม ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระอรหันต์เอาไว้ พระธาตุมหาชัยองค์แรก สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2518 โดยมีการบูรณะเพิ่มเติมอีกหลายครั้ง จนถึงในปี พ.ศ.2536 มีการสร้างองค์เจดีย์ครอบลงบนพระธาตุองค์เดิม จนสวยงามใหม่เอี่ยมแบบที่เราได้เห็นในปัจจุบันนี้นี่ละ พระธาตุมหาชัยเป็นพระธาตุประจำวันของคนที่เกิดวันพุธในช่วงกลางวัน เชื่อกันว่าถ้าใครได้มากราบนมัสการจะค้าขายคล่อง ประสบความสำเร็จในการประสานงานหรือการเจรจา พูดจาดีมีคนเชื่อถือ และประสบชัยชนะในการใช้ชีวิต ไปค่ะ ไปกราบแล้วตั้งจิตอธิษฐานกันวันนี้เลย!

5.พระธาตุมรุกขนคร

ใครเกิดวันพุธช่วงเวลาค่ำคืน เชิญที่พระธาตุองค์นี้ได้เลยจ้า พระธาตุองค์นี้ถือว่าเป็นพระธาตุน้องเล็กซึ่งถือกำเนิดขึ้นหลังสุดในบรรดาพระธาตุบริวารขององค์พระธาตุพนมทั้งหมด เพราะเพิ่งสร้างขึ้นใน พ.ศ.2536 นี่เอง ถึงแม้ตัวองค์พระธาตุจะเป็นน้องใหม่ แต่บอกให้เลยว่าตัววัดมรุกขนครอันเป็นที่ตั้งของพระธาตุองค์นี้น่ะ อายุปาเข้าไป 300 กว่าปีแล้วเด้อออ ว่าไม่ได้ แถมยังเคยเป็นวัดที่เรียกได้ว่าเจริญมากกกกในสมัยนั้น ก่อนที่จะสร่างซาลงไปภายหลังการโยกย้ายตัวเมืองนครพนมจากบริเวณนี้ไปตั้งใหม่ในพื้นที่ปัจจุบัน เชื่อกันว่าหากใครมีโอกาสได้มากราบนมัสการพระธาตุองค์นี้ จะมีชีวิตที่ดี มีความสุขสวัสดี และเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป สตาร์ทรถเลยค่ะ อย่าได้รอ!

6.พระธาตุประสิทธิ์

ที่เห็นในปัจจุบันเป็นองค์เจดีย์ที่สร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ.2499 เพื่อครอบทับเจดีย์องค์เดิมซึ่งเก่าแก่และไม่มีใครรู้ว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยไหน โดยด้านในมีการนำพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ จำนวนรวม ๑๔ พระองค์ รวมกับดินจากสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่งในอินเดีย และพระพุทธรูปเก่าแก่ซึ่งพบในเจดีย์องค์เก่ามาบรรจุไว้ พระธาตุประสิทธิ์เป็นพระธาตุประจำวันของคนเกิดวันพฤหัสบดี และมีความเชื่อกันว่าถ้าใครได้มากราบนมัสการจะมีความสำเร็จในหน้าที่การงานเป็นอย่างดี โอ๊ยยยย ไปเลยสิคะ จะรออะไร??

7.พระธาตุท่าอุเทน

เป็นการจำลองแบบมาจากองค์พระธาตุพนม แต่มีขนาดเล็กกว่า ด้านในองค์พระธาตุมีการบรรจุพระธาตุของพระอรหันต์ ซึ่งอัญเชิญมาจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ เมื่อปี พ.ศ.2540 เกิดการพังทลายของซุ้มประตูที่อยู่ด้านล่าง ทางกรมศิลปากรจึงได้ทำการบูรณะใหม่ให้สวยงามและมีความแข็งแรงกว่าเดิม จนเป็นองค์พระธาตุสีขาวสะอาดงามสง่าอย่างที่ได้เห็นกันในปัจจุบัน พระธาตุท่าอุเทนได้ชื่อว่าเป็นพระธาตุประจำวันของคนที่เกิดในวันศุกร์ โดยเชื่อกันว่าหากใครได้มากราบนมัสการแล้ว จะทำให้ชีวิตรุ่งโรจน์ รุ่งเรือง เหมือนพระอาทิตย์ขึ้นยามรุ่งเช้า แล้วมีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่ไปมูกันล่ะคะซิส

8.พระธาตุนคร

ถ้าคุณไปเที่ยวเมืองนครพนม เชื่อว่าจะต้องได้เห็นองค์พระธาตุนครแห่งนี้ผ่านตากันหลายรอบแน่ๆ เพราะตัวพระธาตุตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ในวัดมหาธาตุ ซึ่งอยู่ติดกับถนนริมโขงในตัวเมืองนครพนมเลยละ จึงเรียกได้ว่าเป็นพระธาตุที่เดินทางง่ายและสะดวกมากที่สุดของเมืองนครพนมกันเลยทีเดียว ภายในองค์พระธาตุมีการบรรจุพระอรหันตสารีริกธาตุ พร้อมกับองค์พระพุทธรูปทองคำ และของมีค่าต่างๆ อีกมากมาย โดยเชื่อกันว่าหากใครได้มากราบนมัสการจะเพิ่มวาสนาและบุญบารมี จะมีโอกาสได้เป็นเจ้าคนนายคนกันก็คราวนี้ละค่า อย่าช้า ไปกราบกันวันนี้เลยยยย อ้อ พระธาตุนครเป็นพระธาตุประจำวันของคนเกิดวันเสาร์เด้อค่า

9.พระมหาธาตุเจดีย์โฆสปัญโญศรีพนม

อย่าแปลกใจที่ชื่ออาจจะไม่คุ้นหู เพราะนี่อาจจะเป็นพระมหาเจดีย์ที่เรียกว่าอัพเดทมาล่าสุดของจังหวัดนครพนมเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเพิ่งจะสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อไม่กี่ปีมานี้เองละ และได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของนครพนมกันเลยทีเดียว แถมมีรูปร่างลักษณะที่แปลกตาคล้ายกับการจำลองเอาภูเขาทองของกรุงเทพฯ ไปตั้งไว้อีกต่างหาก ด้วยความสูงโดยรวม 56 เมตร แบ่งภายในออกได้เป็น 6 ชั้น สำหรับประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และอัฐิธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ ซึ่งเป็นพระเกจิชื่อดังแห่งภาคอีสาน และยังมีชั้นสำหรับเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บเรื่องราวและข้าวของที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา แถมยังมีห้องปฏิบัติวิปัสนาสำหรับพระสงฆ์และเหล่าฆราวาสอีกด้วยนะ ประโยชน์ใหญ่สมฐานะมหาเจดีย์จริงๆ เลย

10.พญาศรีสัตตนาคราช

นับเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่สง่างามแห่งลุ่มแม่น้ำโขงของจังหวัดนครพนม ได้ชื่อว่าเป็นองค์พญานาคทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าพญานาคองค์นี้แตกต่างจากที่เคยเห็นที่อื่น เนื่องจากมีสร้อยคล้องอยู่ที่คอ ซึ่งเป็นการออกแบบมาให้เหมือนกับลวดลายที่ซุ้มประตูขององค์พระธาตุพนมนั่นเอง จึงไม่น่าแปลกใจที่รูปหล่อพญานาคน้ำหนัก 9,000 กิโลกรัมองค์นี้ จะกลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความงามของวัฒนธรรมเมืองนครพนมได้เป็นอย่างดี และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีผู้คนหลั่งไหลมาอย่างไม่เคยขาดสาย เชื่อกันว่าหากได้มากราบไหว้จะมีความเป็นสิริมงคล และหากตั้งจิตอธิษฐานถึงอะไร สิ่งนั้นก็จะสำเร็จเห็นผลได้ตามต้องการ ไหน ตั๋วเครื่องบินเราอยู่ไหนนนน อยากวาร์ปไปมูกันในนาทีนี้เลยยยย

11.วัดนักบุญอันนา

ข้ามฟากจากฝั่งวัดไทยมาทางสายศาสนาคริสต์กันดูบ้างดีกว่า โบสถ์คริสต์แห่งนี้สร้างมาตั้งแต่ พ.ศ.2469 และถือว่าเป็นโบสถ์คริสต์ที่มีความเก่าแก่สวยงามมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย จุดโดดเด่นที่มองเห็นและสะดุดตามาแต่ไกลก็คงหนีไม่พ้นหอคอยคู่สูงสง่าด้านบนของโบสถ์ส่วนหน้านั่นเอง โบสถ์แห่งนี้เป็นอาคารที่สร้างขึ้นมาใหม่ภายหลังจากโบสถ์เดิมที่อยู่ด้านข้างโดนระเบิดเสียหายไปในสมัยสงครามอินโดจีน จึงมีการร่วมใจกันสร้างโบสถ์ใหม่แห่งนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์รวมใจและสัญลักษณ์ของการอยู่ร่วมกันระหว่างคนหลายเชื้อชาติไม่ว่าจะไทย ญวน เวียดนาม ลาว หรือจีน ถ้ามีโอกาสมานครพนม ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแห่งที่ควรต้องมา โดยเฉพาะใครที่ชอบการถ่ายรูปเชื่อว่าน่าจะฟิน เพราะมีมุมสวยๆ ให้เลือกเพียบ

12.อนุสรณ์สถานโฮจิมินห์

นครพนมเคยเป็นเมืองหนึ่งของประเทศไทย ที่ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ของเวียดนามเคยมาใช้ชีวิตอยู่ในช่วงระยะหนึ่ง ก่อนที่จะกลับไปกอบกู้เอกราชของเวียดนามกลับคืนมาจากการถูกยึดครอง ด้วยความศรัทธาในตัวของลุงโฮนี่ละ ทำให้มีการสืบทอดอนุรักษ์บ้านเรือนในบริเวณเดิมที่ท่านเคยอาศัยอยู่เอาไว้ให้ผู้ที่สนใจได้เข้าไปเยี่ยมชมกัน และเพื่อให้สมศักดิ์ศรีความยิ่งใหญ่ จึงมีการสร้างอนุสรณ์สถานของท่านไว้ในบริเวณไม่ไกลจากตัวบ้าน ภายใต้อาคารสถาปัตยกรรมสวยแปลกตาแบบเวียดนาม ด้านในมีการจัดแสดงรูปจำลองและเรื่องราวในหน้าประวัติศาสตร์เอาไว้ให้ได้เดินชมเก็บเกี่ยวความรู้

13.สะพานมิตรภาพไทย – ลาว

ถือเป็นสะพานเชื่อมไทยและลาวแห่งที่ 3 ของเมืองไทย ซึ่งถ้าข้ามฟากไปก็จะเป็นบ้านเวินใต้ เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ประเทศลาว สะพานนี้ได้ชื่อว่าเป็นสะพานที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ด้วยตัวสะพานที่ทอดยาว มีแบ็คกราวนด์ด้านหลังเป็นเทือกเขาน้อยใหญ่ ข้างใต้เป็นแม่น้ำโขง เสาไฟบนสะพานก็สวยงามอ่อนช้อยแปลกตา และยังกลายเป็นประตูการค้าที่เชื่อมไทย ลาว เวียดนาม และจีน เข้าไว้ด้วยกัน นี่เราแอบคิดนะว่าคนชอบวิ่งหรือปั่นจักรยาน ถ้าได้มาวิ่งหรือปั่นข้ามสะพานนี้ช่วงเช้าหรือแดดร่มลมตกคงฟินม้ากกก เอาจริง!

14.พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่า

ถ้ามีโอกาสได้มาเมืองนครพนมเมื่อไหร่ เรียกว่าที่นี่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดเลยเชียว กับตัวอาคารสไตล์โคโลเนียลสวยงามอ่อนช้อยสีเหลืองสดใสสะดุดตา ที่นี่ถือได้ว่าเป็นสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เพราะเคยถูกใช้เป็นสถานที่ประทับเมื่อในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จมาทรงงานและทอดพระเนตรประเพณีไหลเรือไฟในเมืองนครพนมแห่งนี้ ปัจจุบัน กรมศิลปากรทำการขึ้นทะเบียนที่นี่เป็นโบราณสถานและพิพิธภัณฑ์ไปเรียบร้อยแล้ว ด้านในยังคงมีการอนุรักษ์รูปแบบดั้งเดิมของการตกแต่งเอาไว้ให้ผู้คนได้เข้ามาเยี่ยมชม บอกเลยว่าคุณต้องชอบในความเรียบง่าย สง่างาม และน่าประทับใจในตัวพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แน่นอน

15.หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ นครพนม

ปิดท้ายกันแบบเอาใจสายอาร์ตและคนรักสถาปัตยกรรมงามๆ ด้วยการพาไปเยือนอีกหนึ่งอาคารสวยกลางเมืองนครพนมกัน อาคารหอสมุดฯ แห่งนี้ เดิมทีเคยใช้เป็นศาลากลางของจังหวัดนครพนมมาก่อน อายุอานามก็เบาๆ แค่ราวร้อยกว่าปี ตอนนี้ด้านในใช้เป็นที่เก็บรวบรวมเอกสารและหนังสือหายากของภูมิภาคแถบนี้เอาไว้มากมาย รวมถึงยังใช้เป็นสถานที่อบรมวิชาการด้านบรรณารักษ์ศาสตร์ในท้องถิ่นอีกด้วย ลองใช้วันว่างเข้าไปหามุมถ่ายรูปเพลินๆ เดินเล่นชิลล์ๆ ก็ดีเหมือนกันนะ

ถ้าเคยได้มาเยือนนครพนมซักครั้ง เชื่อเถอะว่าคุณจะต้องเข้าใจว่าทำไมเมืองนี้ถึงได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งความสุข เพราะรอบด้านล้วนสะดวกสบาย ในขณะที่ผู้คนก็ใช้ชีวิตเรียบเรื่อยตามวิถีท้องถิ่นที่ไร้ความรีบเร่ง ตัวอาคารบ้านเรือนสวยๆ ก็มีให้ดูมากมาย ทิวทัศน์ริมแม่น้ำโขงก็สวยสะใจ นี่ยังไม่ได้พูดถึงอาหารอร่อยที่มีให้เลือกหลากหลาย ชนิดให้กินมื้อละร้านก็แซ่บได้ไม่มีซ้ำ เอาไว้คุณหาเวลามาพิสูจน์ด้วยตัวเองก็แล้วกันเนอะ ว่าที่เราบอกอยู่เนี่ยมันจริงมั้ย?

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร