0

Traveloka TH

19 Apr 2019 - 22 min read

พาเที่ยวจีนแบบไม่จีน แชงกรีล่า - ย่าติง เที่ยวจีนให้ได้วิวแบบยุโรป

แชงกรีล่า - ย่าติง เที่ยวจีนให้ได้วิวแบบยุโรป

หากคุณอยากเจอภูเขาน้ำแข็งที่ยิ่งใหญ่

ใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม

เมืองเก่าโบราณ ของกินอร่อยๆ และวิถีชีวิตต่างๆ

บอกเลยว่าทริปแชงกรีล่า ย่าติง คือคุ้มค่ามากที่สุด ใช้งบแบบเอเชีย แต่วิวสวยเหมือนยุโรป

เกริ่นแค่นี้ก็ตื่นเต้นแล้ว อย่ารอช้ารีบกดจองตั๋วและบินตามมา เที่ยวประเทศจีนกัน

--- 01 แพลนเที่ยวแชงกรีล่า-ย่าติง Part1 ---

Day 1 Bangkok – Kunming - On the way to Shangri-la

Day 2 Shangri-la (Zhongdian) - วัดจงซานหลิง - วัดต้าฝอ Dafo Temple

Day 3 Shangri-la (Zhongdian) – Riwa town

Day 4 Milk Lake (牛奶海) - 5 Colors Lake (五色海)

Day 5 Pearl Lake (珍珠海) - Zhoumala Lake (卓马拉措) - Daocheng

--- 02 เริ่มต้นการเดินทางจากดอนเมืองสู่ประเทศจีน ---

การมาประเทศจีนอาจจะยากกว่าประเทศอื่นๆในแถบเอเชียนิดนึง คือการมาประเทศจีนเพื่อนๆจะต้องขอวีซ่า เพื่อเข้ามาท่องเที่ยวประเทศจีน (สามารถหารีวิวการทำได้เลย มีเยอะมาก) ส่วนราคาวีซ่าอยู่ที่ 1,500 บาท หากใครไม่สามารถหยุดไปทำได้ เราแนะนำว่าสามารถจ้างทำได้ เพราะเราต้องเสียงเวลา 2 วัน คือ วันที่ไปยื่นเอกสารขอทำ และอีกวันคือเข้าไปรับเอกสาร (ไม่เหมือนวีซ่าอินเดีย ที่มีส่งไปรษณีย์มาที่บ้าน)

นอกจากมีวีซ่าแล้ว ก่อนหน้านั้นเราต้องจองตั๋วกันก่อน ราคาจากดอนเมืองไปคุณหมิงราคาดีมาก เราเจอราคาไปกลับ ตั้งแต่ 4,000 บาทจนถึง 6,000 บาท เราได้ในราคา 6,000 บาท เพราะจองช้าเอง ฮือออออ

และส่วนวิธีการค้นหาหรือจองตั๋ว เพื่อนๆสามารถจองผ่านเว็บ Traveloka ได้เลย วันๆที่เราคอยเช็คราคาตั๋วก็เช็คจากเว็บนี้แหละ เพราะเว็บจะคัดช่วงเวลาและราคาที่ดีที่สุดให้ ไม่ต้องเสียเวลาไล่ดูทีละเว็บเลย

จองตั๋วเครื่องบินไปคุณหมิง กับTraveloka

--- 03 : Day 1 ประเทศจีนครั้งแรก และ วันแรก ---

จากดอนเมืองมาคุณหมิงใช้เวลาประมาณ 2 ชม. แพลนตอนแรกคือบินเช้าและถึงประมาณ 10 โมง แล้วเราจะแวะเที่ยวในเมืองคุณหมิง แต่ไฟล์ทบินเราเกิดขัดข้องและดีเลย์ไป 2 ชั่วโมง ทำให้กว่าจะถึงคุณหมิงก็ปาไปเที่ยงแล้ว TT

พอถึงคุณหมิงเราก็เดินทางไปสถานีรถที่เราจะไปแชงกรีล่า เพื่อซื้อตั๋ว และฝากของ ส่วนวิธีการเดินทางจากสนามบินไป West Coach station ก็สะดวกมาก เพราะรถใต้ดินถึงหน้าสถานีเลย

จากสนามบินให้เพื่อนๆมองหาป้ายที่เขียนว่า Metro Line 6 คนจีนส่วนใหญ่จะมี Alipay สำหรับสแกนจ่ายของต่างๆ รวมถึงใต้ดินด้วย ส่วนพวกเราที่มาท่องเที่ยว สามารถไปกดที่ตู้อัตโนมัติได้เลย ให้เลือกไปลงสถานี นั่งยาวมา จนถึง 西部客运汽车站 ให้เพื่อนๆขึ้น Line 6 และไปเปลี่ยนสถานีที่ Line 3 (จำสถานีที่เปลี่ยนไม่ได้ แต่น่านั่งมาประมาณ 3-4 ป้าย ก็เปลี่ยนสถานีเลย)

ตอนระหว่างเดินทางคือเราเดินทางคนเดียว เพราะเพื่อนคนอื่นๆ มาถึงตั้งแต่เมื่อคืน และขอไปรอที่สถานี ทำให้เราต้องเดินทางคนเดียวแบบอ๋องๆ เอาจริงๆเราแอบ งง ขบวนรถไฟ นี่อ๋องจนมีคนจีนคนนึงมาช่วยกดตั๋ว และพาไปขึ้นขบวนรถไฟ ด้วยความโชคดีบางอย่าง เพื่อนที่เค้ามาด้วยเป็นคนจีนที่เคยทำงานที่ไทย แล้วพูดภาษาไทยได้ เค้าเลยสอนและแนะนำว่าขึ้นขบวนไหน ลงขบวนไหน และมีที่ไหนเที่ยวบ้าง เค้าพาเราเปลี่ยนรถไฟ และคอยบอกว่า ตอนนี้อยู่ที่ไหน และอีกกี่สถานีจะถึงที่หมายของเรา พี่เค้าน่ารักมากๆ เลยขอถ่ายรูปเก็บไว้

หลังจากมาถึงสถานีแล้ว เราก็กินข้าว ล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมตัวสำหรับรถนอนในคืนนี้ นี่คือครั้งแรกที่ได้เห็นห้องน้ำจีน จังหวะที่จะเข้าห้องน้ำแต่ละห้อง คือเหมือนต้องคอยลุ้นตลอดว่า เปิดไปจะเจอทอง หรือไม่เจอทอง และคำตอบที่ได้คือ เปิด 4 เจอทองแล้ว 3 TT ทำไมกันทำไมถึงไม่ชอบราดหรือกดส้วมกัน

พอใกล้ถึงเวลารถออก เราก็ตีตั๋วเข้ามาข้างใน และพบว่า ที่นั่งข้างในคือสบายมากกกกกกกกกกก ต่างจากที่นั่งกินข้าวมาก

นั่งสักพักก็ถึงเวลารถออก รีบวิ่งไปจับจองที่นั่ง ตอนแรกเข้าใจว่านั่งตรงไหนก็ได้ เลยเลือกตามใจชอบ สักพักมีพี่จีนมาทวงที่ และไปๆมาๆคือ ที่นอนของเราโดนแย่งไปแล้วจ้า TT จากตอนแรกเราต้องนอนด้วยกัน 5 คน ด้านล่าง กลายเป็นพวกเราต้องนอนกระจายกันหมด ถ้าเป็นแถวอื่นๆถือว่าดี นอนแบบเดี่ยว ส่วนตัว แต่แถวหลังสุดคือเป็นที่นอนยาวๆ คือเท่ากับว่าเราต้องนอนร่วมกับคนอื่นแบบเลือกไม่ได้ TT นี่คือบรรยากาศรถนอนที่เราต้องนอนตลอดทั้งคืนในการเดินทางไปแชงกรีล่า ขอแนะนำสำหรับรถนอนคือ ควรเอาหมอนรองคอมาเอง หรือหาผ้าบางๆ มาปูนอน เพราะที่นอนเลอะๆอยู่ แนะนำๆ จะได้หลับแบบสบายใจจจจ

--- 04 : Day 2 แชงกรีล่า กับความสูงกว่า 3,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล ---

ก่อนอื่นเราต้องเล่าก่อนว่า เรามีความกลัวเล็กน้อยในการมาเที่ยวพื้นที่สูงแบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้เราเคยไปเที่ยวที่เลห์ และเรามีอาการป่วยเป็น AMS ทำให้ต้องเข้าโรงพญาบาล และต้องพะวงเวลาเที่ยวตลอด แต่รอบนี้กับโชคดีคือ เราค่อยๆนั่งรถเริ่มจากคุณหมิง ทำให้ร่างกายค่อยๆปรับตัวกับระดับความสูงที่เพิ่มขึ้น ใช้เวลาทั้งคืนก็มาถึงสถานีรถที่แชงกรีล่า หิวๆตอนเช้าออกมาซื้อของกินเล่นได้เลย ที่นี่ไปไกลมาก ขนาดร้านข้างทางยังมีสแกนบาร์โค้ดจ่ายเงินเลย

ก่อนเดินทางไปที่พักเราแวะจองตั๋วจาก แชงกรีล่า ไปลงที่ เต้าเฉิง ในวันพรุ่งนี้ก่อนเลย เลือกรอบ 8 โมงเข้าตรู่ จะได้ไม่ถึงที่หมายดึก แนะนำควรจองก่อนเลย เพราะเผื่อรถเต็ม

พอดีน้องในทริปพูดจีนได้โทรหาที่พัก และที่พักก็หารถมารับพวกเรา คืนนี้เราพักกันที่ Yi’s Hostel ที่พักใกล้กับ วัดใต้ฝอมาก และสไตล์ที่พักก็มีเอกลักษณ์ ส่วนราคาก็แสนถูก ตกคนละ 400 บาท เอง

หลังจากมาถึงที่พัก พวกเราก็อาบน้ำ หาอะไรลงท้อง และเตรียมเดินทางไป วัดจงซานหลิง ก่อน จากที่พักเราเดินมาที่ป้ายรถเมล์ นั่งรถเมล์สาย 3 ใช้เวลาไม่นานก็ถึง วัดจงซานหลิง ข้อแนะนำสำหรับนั่งรถเมล์ที่จีนคือ ควรเตรียมเงินให้พร้อม 2 หยวน เพราะที่นี่ไม่มีกระเป๋ารถเมล์แบบบ้านเรา ถ้าคนจีนจะใช้วิธีสแกนจ่าย แต่พวกเราไม่มี Alipay ก็หยอดเงินใส่กล่องข้างๆคนขับได้เลย

พอมาถึง วัดจงซานหลิง ก็ต้องซื้อตั๋วสำหรับเข้าก่อน ค่าเข้าอยู่ที่ 90 หยวน หรือราคา 450 บาท

วันที่เราไปฟ้าปลอดโปรงใสและดีมาก อากาศหนาวเย็นสบาย แต่วัดนี้คือจะต้องขึ้นบันได และอย่างที่บอกว่าเราอยู่จุดสูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก เลยอาจจะทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย พวกเราก็ค่อยๆเดิน และถ่ายรูปไปเรื่อยๆ

จังหวะที่ถ่ายรูปก็มีคนจีนคู่นึงให้เราช่วยถ่ายรูปคู่ให้ พอหลังจากเค้าเลยขอเดินเที่ยว วัดจงซานหลิง ไปด้วยเลย ไปๆมาๆ ดันได้เพื่อนจีนเพิ่มอีก 2 คน

พื้นที่วัดใหญ่มาก มีจุดให้เดินเยอะมาก หลังจากเราเดินข้างบนหนำใจแล้ว เราก็ลงไปเดินรอบๆแม่น้ำต่อ

นี่คือบรรยากาศหน้าวัด มุมสุดฮิต

จังหวะที่ลงมาเดินเล่นบ่อน้ำตรงหน้าวัด เราเริ่มมีอาการคล้ายๆ AMS เหมือนตอนที่เป็นที่อินเดียคือ ปวดหัวมากกก และรู้สึกอยากอ้วก ฮืออออ ในใจคือแบบเราจะป่วยแบบนี้ไม่ได้นะ พอเราเริ่มรู้อาการ เราเริ่มทำอะไรช้าๆ จิบน้ำเรื่อยๆ และนั่งรถเมล์กลับที่พัก จังหวะที่นั่งรถเมล์เราแอบหลับไปงีบ และเข้ามินิมาร์ท พยายามมองหาของกิน ถ้าเรากินได้แสดงว่าเรายังสบายดี แต่ถ้าเรากินอะไรไม่ลงแสดงว่า AMS ถามหาแล้ว !!! ส่วนผลลับของเราคือ ... เราสามารถกินไอติมได้ทั้งแท่ง งั้นแสดงว่าเราอาจจะเป็นไม่หนัก หรือไม่ก็หิวจนปวดหัวก็เป็นได้ 555555

ต่อจากวัดจงซานหลิง เราก็ไปวัดใต้ฝอ แต่ช่วงที่เราไปเริ่มค่ำแล้ว เลยได้บรรยากาศช่วงกลางคืนแทน สวยไปอีกแบบสำหรับเรา

หลังจากเที่ยวเสร็จ เราก็เดินเล่นเมืองเก่ารอบๆ บรรยากาศดีมากๆ

เดินเรื่อยๆ ก็ถึงเวลาหาอะไรลงท้องแล้ววววว อยากลองหม้อไฟของจีนมานาน มื้อนี้คืออร่อยมากกกกก

ส่วนใครเป็นอิสลามไม่ต้องห่วง เพราะพี่ที่ร่วมทริปกับเรา 3 คน เป็นอิสลาม หาป้ายที่มีตราฮาลาล มีอยู่หลายร้านอยู่ แต่อาจจะหายากนิดนึง ต้องคอยเดินดูเรื่อยๆ

ระหว่างเดินกลับที่พักมีน้องหมาที่ไหนไม่รู้มาเล่นด้วย ไปๆมาๆ น้องมาส่งถึงหน้าที่พักเลยยย น่ารักมาก

--- 05 : Day 3 วันนั่งรถมาราธอน จากแชงกรีล่า มุ่งสู่หมู่บ้าน Riwa ---

วันนื้คือวันนั่งรถมาราธอนที่แท้ทรู คำแนะนำสำหรับการขึ้นที่จีนคือ ถ้ามาไวได้คือให้มาไวที่สุด เพราะทุกอย่างคือหนาแน่นไปหมด ถ้ามาช้า ที่วางกระเป๋าข้างล่างจะเต็ม ทำให้ต้องเอามาไว้ตรงที่นั่ง กับระหว่างทางเดิน ซึ่งบอกก่อนเลยว่า ที่นั่งแคบมากกกกกกกก

แต่บรรยากาศข้างๆคือดี ดังนั้นเราให้อภัยสำหรับการที่ต้องเบียดกับกระเป๋า

ระหว่างทางนอกจากสวยแล้วคือเสียวมาก นั่งไปก็ลุ้นไป 55555

หลังจากเรานั่งรถประมาณ 3 ชม.กว่าๆ ก็ได้เวลาเที่ยงและกินข้าว แนะนำว่าใครไม่อยากกิน หรือรู้สึกอาหารไม่ถูกปาก ให้พกข้าว หรือขนมปังรอเลย แต่สำหรับเรากับข้าวที่นี่พอกินได้อยู่นะ

หลังจากกินข้าวเสร็จสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ ... การเข้าห้องน้ำ บอกก่อนว่าห้องน้ำจีน ถ้าในเมืองหรือสถานที่ท่องเที่ยวคือพัฒนาไปไกล และเริ่มสะอาดขึ้นมากๆแล้ว

แต่.... ห้องน้ำระหว่างทางนี่สิ TT ฮือออ แค่เห็นทางเข้าก็ช็อคแล้ว แต่พอเข้าไปคือ ช็อคกว่า !!! ช็อคตรงสิ่งที่เคยฟังๆๆมาว่างห้องน้ำจีนอย่างนู้นอย่างนี้ ก็ได้เจอกับตัว เพราะห้องน้ำระหว่างทาง จะไม่มีประตู จะมีแค่พนังเตี้ยๆ กั้น และที่สำคัญ เราต้องยืนมองคนนั่งยอง และก็ถูกมองจากคนยืนรอเหมือนกัน และที่เค้าเล่ากันว่าปล่อยต้นซอยและไปกองท้ายซอย นี่ขอบอกเลยว่า จริง!!! ที่แท้ทรู!!! เพราะเรานิละโดนซอยสุดท้าย ฮือออออออ แต่จะไม่เข้าก็ไม่ได้ เพราะต้องเดินทางอีก 3 ชม.

หลังจากเสร็จธุระหมดแล้ว เราก็เดินทางกันต่อ ตอนแรกเราแพลนกันว่า นั่งรถลงเต้าเฉิง และซื้อตั๋วจากเต้าเฉิงกลับไปแชงกรีล่า และหารถเหมาไปที่หมู่บ้าน Riwa แต่แล้วความโชคดีมาถึง คนขับบอกว่า ถ้าใครไปหมู่บ้าน Riwa ให้ไปเปลี่ยนรถอีกคัน

และคันเค้าจะเข้าเต้าเฉิง พวกเราเลยตัดสินใจว่าไป Riwa ตรงๆเลยดีกว่าจะได้ไม่อ้อมด้วย และจ่ายเงินเพิ่มคนละ 50 หยวน ประมาณ 250 บาท (ราคาพอๆกับเหมารถจากเต้าเฉิงมาหมู่บ้าน)

หลังจากเริ่มเลี้ยวเข้าไปอีกทาง บรรยากาศรอบๆสวยมากๆ มองไปแบบเพลินๆ เริ่มเห็นแล้วว่าใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี ตอนนั่งหลับแทบไม่ลงเลย เพราะกลัวพลาดมุมมองสวยๆ ไม่นานเราก็มาถึงหมู่บ้าน Riwa ซึ่งอีกนิดเราก็ย่าติงแล้ว

ในหมู่บ้าน Riwa ราคาที่พักสูงๆมากๆ แต่เราโชคดีคือน้องในทริปมีแอฟจีนที่สามารถจองที่พักได้ และได้ราคาน่ารักมากๆ ส่วนใครจะจองแนะนำให้จองผ่านแอฟ Ctrip หรือ มาหาที่พักข้างหน้าได้เลย

และนี่คือที่พักของเรา และที่สำคัญได้พบมิตรภาพอีกแล้ว เราเจอพี่ผู้หญิงสองคนเดินทางมาเที่ยวแต่ยังไม่มีที่พัก เลยชวนพี่เค้ามาพักด้วยกัน และออกไปกินข้าวกัน

สำหรับวันนี้เราก็เดินเล่น เตรียมซื้อขนมน้ำ อาหารตอนกลางวัน สำหรับวันพรุ่งนี้ อ่อ !!! ที่สำคัญที่ลืมไม่ได้เลยคือกระป๋องออกซิเจน ราคาไม่แพงประมาณ 30 หยวน หรือ 150 บาท มีไว้อุ่นใจเชื่อเราสิ๊

--- 06 : Day 4 ขอจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่า วันนี้คือวันเหนื่อยแห่งชาติ (ของเรา) ---

เช้าวันนี้เรานัดกันเช้ามาก ประมาณ ตี 5 ครึ่ง เพราะเราต้องนั่งรถไปทางเข้า อช.ย่าติง และนั่งรถเข้าไปที่พักด้านใน อช. และนั่งรถต่อไปที่จุดเริ่มเดินอีก เราเหมารถแท็กซี่ไปจากหมู่บ้าน Riwa ไปที่หน้าอช.ย่าติง ราคาประมาณ 50 หยวน

หลังจากมาถึงด้านหน้า อช. เตรียมตัวเข้าไปซื้อตั๋วเข้าและตั๋วรถสำหรับเข้าไปที่ อช. ทางเดินไกลแสนไกลมาก ต้องเผื่อเวลาเลย

หลังจากซื้อตั๋วเข้าและรถเสร็จ ก็นั่งรถและมาลงที่สถานีป้ายที่ 2 เพื่อเก็บของและเตรียมตัวในการเทรคกิ้งต่อ เรา 5 คนพักกันที่สถานี 2 ส่วนพี่อีกสองคน พักที่สถานี 3 (อยู่ห่างกันไม่มาก) วิธีจองที่พักคือ จองผ่าน Ctrip ได้เลย

นี่คือบรรยากาศหน้าทีพัก ดีมากก อยากชื่นชมนานๆ แต่เราต้องรีบไปจุดเริ่มเดินเท้าก่อน วันนี้เราเลือกรูทยาวก่อน คือ เดินทะเลสาบน้ำนม และทะเลสาบ 5 สี

จากหน้าที่พัก นั่งเข้าไปที่จุดเริ่มเดินประมาณชม.กว่าๆ กว่าเราจะถึงจุดเริ่มเดินคือจะปาไป 10 โมงแล้ว

ข้างหน้ามีบริการรถกอล์ฟราคาไปกลับ 80 หยวน จะขึ้นหรือไม่ขึ้นก็ได้ แต่ถ้าแนะนำนะ เราว่าขึ้นรถกอล์ฟดีกว่า ประหยัดแรงได้เยอะเลย เพราะข้างหน้ายังต้องเดินอีกเยอะมากกกกกกกกกกกกก

ระหว่างเรานั่งรถกอล์ฟคือตื่นเต้นมากกกกก ถ่ายรูปตลอด จนคนจีนบอกว่า วิวตรงเนี่ยงั้นๆ ข้างหน้าสวยกว่านี้เยอะ อย่าพึ่งตื่นเต้นไป

ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงจุดเริ่มเดิน เราต้องเดินเท้าทั้งหมด 5 กิโลเมตรในการขึ้นไป ดังนั้นไปกลับระยะทางทั้งหมด 10 กิโลเมตร !!! ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมแล้วหละ มาถึงขนาดนี้แล้ววว

ช่วงที่เราไปเรียกว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นก็ว่าได้ ทำให้มีจำนวนคนมหาศาลมาก เดินไปไม่เหงา มีเพื่อนเดินตลอดทาง เผลอๆ คนแน่นด้วยซ้ำ 55555

ทางเดินในช่วงแรกยังคงเรื่อยๆอยู่ เป็นทางราบ เดินเรื่อยๆ สวยตรงไหนก็แวะถ่ายตลอดทาง ช่วงนี้ไม่เหนื่อย อ๊อกซิเจนยังไม่จำเป็น 5555

หากเดินๆอยู่ใครปวดห้องน้ำ ตามทางจะมีห้องน้ำบริการตลอด ห้องน้ำถือว่าพอโอเค และรับได้อยู่ระดับนึง แต่แถวจะยาวมากตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เยอะตาม

พอเดินไปเรื่อยๆ จากทางราบเริ่มไม่ราบอีกต่อไป ทางเริ่มขึ้นแบบเรื่อยๆ คือเราไต่ระดับจากสูง 3000 กว่าๆ เพื่อจะขึ้นไปยอด ที่สูงกว่า 4,700 เมตร ดังนั้นทางจะราบก็ดูขัดแย้งเนอะ TT

ส่วนใครที่คิดว่า 5 กิโลเมตรเนี่ยไม่ไหว และไม่สามารถเดินได้ ที่นี่มีบริการม้า เราไม่แน่ใจว่าระยะทางเท่าไหร่ แต่ราคาประมาณ 330 หยวน ใครเปย์ไหวเปย์โลดดด ส่วนเราเดินเอารัวๆ อยากลองความสามารถตัวเองดู ว่า AMS จะถามหาไหมรอบนี้ !!!

แนะนำควรพกน้ำ และขนมเล็กๆ น้อย หรือขนมปังสำหรับกินระหว่างทางด้วย เราเห็นคนจีนพกข้าวมากินเลย ส่วนเราก็พกข้าวมากินนะ แต่อารมณ์นั้นคือแบบ เหนื่อยจนกินไม่ลงเลยยยย เลยกินช็อคโกแลตและขนมนิดๆหน่อยเอา

ทางเดินระหว่างทางคือสวยตลอด เหนื่อย แต่พอเงยหน้า วิวตรงหน้าคือทำให้หายเหนื่อยไปเลย แอบมีคิดตลอดว่านี่เรามาทำอะไร และทำไมต้องมาเหนื่อยขนาดนี้ แต่พอเห็นวิวตรงหน้าแล้วคือ คุ้มแล้วที่ได้มา ระหว่างทางมีมุมให้ถ่ายรูปตลอด

เหนื่อยก็พัก และสูดออกซิเจนไปลึกๆๆๆ

พอทางเดินจนสิ้นสุดทางม้า หลังจากนั้นคือแทบจะเดินขึ้นรัวๆ บางคนถอดใจ บางคนก็ไปต่อ เราเดิน 10 ก้าว พักที

เหมือนจะโกหก แต่มันเหนื่อยมากกจริงๆนะ พอขึ้นที่สูง ออกซิเจนเบาบาง และเราต้องใช้แรงในการเดิน ทำให้เราเริ่มมีอาการปวดหัวหนักๆหัว พยายามกินน้ำและเอาออกซิเจนมาสูดตลอดเวลา ส่วนน้องที่เดินมากับเรา เริ่มมีอาการอยากอาเจียน และปวดหัว เราเลยให้น้องกินพาราดักไว้ก่อน อย่างว่ายาพารา รักษาทุกโรคคคคคคค 555555

พอเดินมาสักพัก จะมี 2 ทางให้เลือกคือ ตรงไปจะเป็นทะเลสาบน้ำนม แต่ถ้าขึ้นยอดไปทางขวา จะเป็นทะเลสาบ 5 สี

ตอนนั้นเหนื่อยไม่อยากเดินขึ้น เราเลยเลือกเดินไปทะเลสาบน้ำนมก่อน อากาศตอนนั้นคือลมแรง และหนาวมากกก

แต่พอเดินมาเริ่มเห็นสีน้ำฟ้าๆ กระทบกับแสงระยิบระยับ จำได้ว่าจากตอนนั้นเหนื่อยมากกก พอเห็นของจริง ความเหนื่อย ความปวดหัว ความอยากจะอ้วก ความหิว หายไปหมดดดด เอาแรงมาจากไหนไม่รู้มากระโดดโรดเต้น และตื่นเต้นกับวิวตรงหน้า

เราใช้เวลาตรงนี้สักพัก ทั้งถ่ายรูป และนั่งเล่น แต่พอมองเวลาคือเริ่มสายแล้ว เราเลยหาป้ายเพื่อจะไปทะเลสาบ 5 สี

และค้นพบว่า ... ต้องเดินขึ้นรัวๆอีกแล้วจ้า TT ตอนนั้นเฮ่อ 3 ที และฮึบให้ตัวเองอีก 10 ที ตามที่บอกเหนื่อยก็พัก ไม่ไหวก็สูดออกซิเจน ระยะทางแค่ 450 เมตร ก็จะถึงแล้ว เดินมาไกลกว่านี้ยังทำมาแล้วเลย จริงไหมมม

ส่วนใครปวดห้องน้ำ ตรงทะเลสาบน้ำนมมีห้องน้ำบริการ คิดดูว่า ครั้งนึงเราเคยเข้าห้องที่วิวดีที่สุดขนาดนี้ 55555

พอเดินขึ้นมาก็เจอทะเลสาบ 5 สี มุมสูง เลยเดินเลาะเข้าไปในๆอีก เพื่อจะไปชมทะเลสาบน้ำนมมุมสูง

มุมสูงว่าสวยแล้ว แต่มุมระยะใกล้ที่ไปเห็นกับตานี่สวยกว่ามากจริงๆนะ

และนี่คืออีกมุมของทะเลสาบ 5 สี

เวลาเริ่มจะเริ่มเย็นแล้ว เพราะว่าคนเริ่มไม่มี ทำให้เราต้องรีบเดินกลับ และรถกอล์ฟหมด 6 โมงเย็น รถ อช. เหมือนจะหมดตอน 6 ครึ่งหรือทุ่มนึง ทำให้ต้องรีบบบเดินลง

ระหว่างทางเดินลงจากทะเลสาบ 5 สี คือหวาดเสียวมากๆ (นี่คือจุดที่เราบอกว่า ตรงไปเป็นทะเลสาบน้ำนม แต่ถ้าเดินขึ้นจะต้องขึ้นนี้เพื่อไปทะเลสาบ 5 สี) แอบคิดถูกที่ตอนนั้นเลือกมาทะเลสาบน้ำนมก่อน 55555

ส่วนระยะทางลงเราใช้เวลาน้อยกว่าตอนขึ้นมากๆ ตอนนั้นคือรีบเดินเพรากลัวตกรถ และฟ้าเริ่มค่ำแล้ว ตอนนั้นอารมณ์ถ่ายรูปหมดไปแล้ว ใจอยากกลับที่พักนอนอย่างเดียว แถมยิ่งดึกยิ่งหนาวด้วย

เรากลับมายังมีรถกอล์ฟเหลืออยู่ รู้สึกเหมือนเป็นผู้รอดชีวิตตตตตต และออกไปรอรถบัสนับเวลาให้ถึงสถานีที่ 2 แวะหาไรกินและกลับที่พักกกก น้องร่วมทริปมีอาการไม่ดีคือ ปวดหัว กินไม่ลง และจะอ้วก เราเลยให้กินยา พารา และ Diamox ดักเอาไว้ เพราะวันพรุ่งนี้ เราต้องไปต่ออีกรูทนึง นั้นคือ ทะเลสาบไข่มุกกกกกก

--- 07 : Day 5 วัดชงกู่ – ทะเลสาบไข่มุก เดินชิลรูทสั้น ---

วันนี้เราตื่นสายกว่าเมื่อวาน นัดกันอีกทีคือ 9 โมงเช้า เพราะวันนี้เราเดินรูทสั้น และเดินเสร็จจะกลับไปนอนที่เต้าเฉิงกัน ในตอนเช้าเรามีอาการหนักๆศรีษะ ปวดหัวมากๆ เลยเดินมาขอน้ำร้อน พบว่าที่พักเค้าทำข้าวต้มใส่ฟักท้องไว้ให้ รสชาติคืออร่อยและดีมากๆ รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย

รอบนี้เหมือนเดิม เรามารอรถบัสเพื่อนไปจุดเริ่มเดินไปยังทะเลสาบไข่มุก ระยะทางเดินวันนี้คือไปกลับประมาณ 4 กิโลเมตร รู้สึกสบายๆชิลๆ คือหนักกว่านี้ก็เจอมาแล้วไงงง ตรงแถวที่รอรถมีเด็กน้อยกับคุณยายนั่งขายออกซิเจนอยู่ ใครเห็นอุดหนุนได้เลยยย น่ารักมากๆ

หากใครคิดว่าไม่ไหวที่จะเดินขึ้นทะเลสาบน้ำนม หรือทะเลสาบห้าสี แนะนำว่ามาแค่ทะเลสาบไข่มุกก็ได้นะ สวยไม่แพ้กัน แต่ถ้าอยากให้สุดจริงๆ ควรไปทั้งรูทยาวและรูทสั้น

เส้นทางการเดินขึ้นจะเป็นบันได และมีจุดให้แวะพักตลอดทาง เหนื่อยก็พัก ไม่ไหวก็ตามเดิมคือ สูดออกซิเจน ส่วนรอบนี้เดินชิลสบายมาก ไม่ต้องสูดออกซิเจนเลย

ก่อนไปถึงทะเลสาบไข่มุกจะผ่านวัดชงกู่กันก่อน

หลังจากนั้นเราก็เดินไปเรื่อยๆ ระหว่างทางเดินวิวดีสวยตลอดทาง ต้นไม้เปลี่ยนสี มีลำธาร

เดินมาเรื่อยๆจนเจอทะเลสาบไข่มุก น้ำที่นี่แนวสีเขียวมรกต ที่นี่จะคึกครื้นมาก อาจเพราะเดินง่าย เลยทำให้จำนวนคนมหาศาล

หลังจากถ่ายรูปหนำใจ พวกเราก็เดินไปรอบๆ เพื่อชม ภูเขาหิมะเซียนหน่ายรื่อ(仙乃日) แบบใกล้ๆ

เราใช้เวลากับรูทสั้นประมาณ 3 ชม. ก็ถึงเวลากลับที่พัก เพื่อเอาของและลงไปท่ารถเพื่อเดินทางกันต่อ

บะบ๊ายย รูทวันที่ 2 ดีกว่าวันแรกมากกกก 5555

จากหน้าอช.ย่าติงไปเต้าเฉิง พวกเราเหมารถกันไป ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.กว่าๆ ประมาณ 300 หยวน ตกคนละ 50 หยวน

คืนนี้เรานอนพักกันที่เต้าเฉิง บรรยากาศที่เต้าเฉิงบ้านเมืองยังคงคล้ายๆกับหมู่บ้าน Riwa

ส่วนอาหารมื้อนี้ หมาล่าอร่อยมากกกก ที่นี่จะไม่เหมือนที่ไทย คือเค้าย่างแต่ย่างแบบแห้งๆ รสชาติคือที่สุด

ส่วนทริปนี้ก็ถึงเวลาอำลาพี่สองคนที่มาร่วมทริปด้วย เรา 5 คนต้องเดินทางกลับแชงกรีล่าและไปเที่ยวลี่เจียงกันต่อ ส่วนพี่อีกสองคนก็เดินทางไปเซี่ยเหมิน

ทริปแชงกรีล่าย่าติง ให้อะไรกับพวกเราเยอะมากกกกกก จากที่รู้สึกเฉยๆกับประเทศจีน ตอนนี้คือกับทำให้รู้สึกหลงรักประเทศจีนขึ้นมา เจอผู้คนที่น่ารัก ธรรมชาติที่สวยงามและยิ่งใหญ่ๆมากๆ แถมเป็นทริปที่เหนื่อยที่สุดตั้งแต่เคยเดินเทรคกิ้งมา ทุกอย่างดีหมด มองข้ามเรื่องห้องน้ำระหว่างทางไป 55555 เอาเป็นว่าถ้าอยากสนุกต่อ รอติดตามรีวิวต่อไป (Part 2) แชงกรีล่า ลี่เจียง บอกเลยว่า สนุกและสวยไม่แพ้ย่าติงแน่นอนนน

--- 08 : ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 5 วัน ---

– ค่าตั๋วเครื่องบิน ดอนเมือง - คุณหมิง ไปกลับ 6,000 บาท

– ค่า SIM มือถือ 399 บาท

– ค่ารถไฟฟ้าจาก Airport-West Coach station (ขนส่ง) 30 บาท

- ค่ารถนอนไป Shangri-La (Sleep Bus) 1,040 บาท

- ค่าโรงแรมที่ Shangri-La (Yi’s Hostel) 395 บาท

- ค่ารถ Bus ไปวัด 10 บาท

- ค่าเข้า วัดจางซงหลิน 450 บาท

- ค่ารถ Bus จากวัดมาโรงแรม 10 บาท

- ค่า Hot Pot 300 บาท

- ค่ารถ Taxi Yi’s Hostel-Bus Station 50 บาท

- ค่ารถ Bus Shangri-La-Daocheng 545 บาท

- ค่ารถ BUS Xiangcheng (ก่อนถึง Daocheng)-Riwa Village 250 บาท

- ค่าโรงแรมที่ Riwa village 340 บาท

- ค่ารถไป จุดขายตั๋วไป Yading 35 บาท

- ค่าเข้าYading 750 บาท

- ค่ารถเข้าอุทยาน 600 บาท

- ค่ารถกอล์ฟ 400 บาท

- ค่าโรงแรมใน Yading 500 บาท

- ค่ารถไป Daocheng 250 บาท

- ค่าโรงแรมที่ Daocheng 285 บาท

- ค่ากินทั้งหมด 2,000 บาท

- ค่าออกซิเจน 2 ขวด 300 บาท

รวมแล้วประมาณ 15,000 บาท

สามารถติดตามเรื่องราวการเดินทางของเราเพิ่มเติมได้ที่

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร