0

Traveloka TH

18 Jul 2019 - 5 min read

15 จุดเช็คพอยท์ตุรกี แวะเที่ยวก่อนบินไปยุโรป

หลังๆ มานี้ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า “ตุรกี” เป็นประเทศยอดฮิตของนักเดินทางชาวไทยเป็นอย่างมาก อาจจะเพราะว่าตุรกี เป็นประเทศที่เที่ยวง่าย ความเที่ยวง่ายที่ว่านี้คือไม่ต้องใช้วีซ่า เพราะตุรกีเป็นประเทศที่อยู่ในสองทวีป ทั้งยุโรป และเอเชีย มีหลายเมืองที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก เป็นประเทศที่รวมเอาสถาปัตยกรรมของยุโรป และเอเชียเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวมากๆ ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า นอกจากตุรกีจะมีที่เที่ยวตุรกีมากมายที่น่าสนใจแล้วนั้น ยังเป็นประตูสู่ยุโรปอีกด้วย

มีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่แวะเที่ยวที่ตุรกี ก่อนที่จะบินต่อไปเที่ยวยังเมืองอื่นในยุโรป ถ้าหากคุณกำลังแพลนเที่ยวทริปยุโรปแบบยาวๆ หลายวัน แนะนำให้ซื้อตั๋วเครื่องบิน Turkish Airline บินมาเที่ยวตุรกีก่อน แล้วค่อยต่อเครื่องบินไปเที่ยวยังเมืองอื่นในยุโรปก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว หรือใครจะเลือกบินไปยุโรป แล้วต่อเครื่องที่ตุรกีแบบหลายชั่วโมง หรือหนึ่งวันก็ได้อีกเช่นกัน แนะนำบินมาเที่ยวตุรกีครั้งหน้า บินแบบ Full Service ไปเลย น้ำหนักกระเป๋า หรือจะอาหารบนเครื่องก็มีให้ ที่นั่งก็สะดวกสบายยืดขาได้ ว่าแล้วเราก็มาดูกันดีกว่า ว่าที่เที่ยวสวยๆ 15 จุดเช็คพอยท์ที่ตุรกี จะมีที่ไหนบ้าง

จองตั๋วเครื่องบินไปตุรกี กับTraveloka

1. ฮายาโซฟีอา หรือสุเหร่าโซเฟีย (Hagia Sopia)

ถึงแม้ว่าจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสุเหร่า แต่ทว่า “ฮายาโซฟีอา” นั้นแต่เดิมทีได้เป็นโบสถ์ของคริสตศาสนา ของนิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ เป็นโบสถ์ขนาดใหญ่ที่ทั้งสวยงาม และอลังการเป็นอย่างมาก งดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบที่ผสมผสานระหว่างนิกายออร์โธดอกซ์ และคาทอลิกกรีกเข้าด้วยกัน ในปัจจุบันได้กลายมาเป็นสุเหร่า และเป็นพิพิธภัณฑ์ไปซะแล้ว โดยชื่อของฮายาโซฟีอา นั้นเป็นภาษากรีกดั้งเดิม แปลว่า โบสถ์แห่งปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นโบสถ์ที่สวยงามมาก และเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คดังของนครอิสตันบูล

2. สุเหร่าสีน้ำเงิน (Sultan Ahmed Mosque หรือ Blue Mosque)

แลนด์มาร์คแห่งที่สองขอยกให้กับ “Blue Mosque” หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อเรียกว่า สุเหร่าสีน้ำเงิน ที่ได้ชื่อเรียกว่าสุเหร่าสีน้ำเงิน ก็เพราะว่าในสุเหร่าได้ใช้กระเบื้องสีฟ้าจากอิซนิค ในส่วนสถาปัตยกรรมก็มีความงดงามเป็นอย่างมาก กระเบื้องในสุเหร่านี้ก็จะมีลวดลายต่างๆ สวยงาม ในส่วนของด้านนอกสุเหร่าจะเป็นที่ฝังศพ ของกษัตริย์ และเหล่าเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย โดยด้านในยังเปิดให้ผู้คนทั่วไปเข้ามาทำพิธีกรรมทางศาสนา เข้ามาละหมาดกันแบบ 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว สุเหร่าสีน้ำเงินนี้นอกจากจะเป็นแลนด์มาร์คอันสำคัญ ยังเป็นที่ประกอบพิธีกรรมที่สำคัญของชาวเมืองอิสตัลบูลด้วยเช่นกัน

3. Turkish bath หรือ ฮามัม (Hamam)

มาเที่ยวตุรกีทั้งที อยากให้ทุกคนมาสัมผัสการเข้าสปาแบบตุรกีโบราณ ที่มีชื่อเรียกกันว่า “Turkish bath หรือ ฮามัม (Hamam)” เป็นการอาบน้ำแบบตุรกี ที่ได้รับความนิยมมากๆๆ ลักษณะจะเป็นโรงอาบน้ำแบบโบราณ ความโบราณที่ว่านี้คือมีมาก่อนยุคโรมันซะอีก บางโรงอาบน้ำจะมีให้เลือกระหว่างอาบน้ำเอง กับมีคนอาบให้ ซึ่งถ้าหากเลือกแบบมีคนอาบให้ ก็จะมีคนมาคอยนวด ขัด ถูให้เสร็จสรรพ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งมิติในการทำสปาแบบโลคอลแท้ๆ เลยหล่ะ

4. พระราชวังโทพคาปึ (Topkapi Palace)

“พระราชวังโทพคาปึ (Topkapi Palace)” หรืออีกชื่อเรียกหนึ่งก็คือ “พระราชวังทอปกาเปอะ (Topkapı Sarayı)” ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์แล้ว นับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่มาก เพราะมีอายุมากกว่า 600 ปีมาแล้วด้วยกัน ความน่าสนใจของพระราชวังโทพคาปึ คือสถาปัตยกรรมสวยๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของอาณาจักรออตโตมันในอดีต ที่ยังคงหลงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน หลังจากล่มสลายของจักวรรดิ พระราชวังนี้ก็ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์อย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน

5. แคปพาโดเชีย (Cappadocia)

เชื่อว่าเป้าหมายหลักของคนส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวตุรกี ก็คืออยากจะมาขึ้นบอลลูน เชื่อได้ว่าภาพบอลลูนที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ามากมาย สลับกับฉากหลังที่เป็นภูเขาหินปูนแห่งเมือง “แคปพาโดเชีย (Cappadocia)” อันงดงามราวกับภาพวาด ใครเห็นก็เป็นอันต้องอยากมาแน่นอน สำหรับเมืองนี้เป็นเมืองที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเมืองมรดกโลก มีสภาพเป็นหุบเขา ที่เกิดจากลาวา อันโดนฝนกัดกร่อนจนกลายมาเป็นสภาพหุบเขาอย่างที่เห็นกันในทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่นิยมมาที่แคปพาโดเชีย (Cappadocia) เพื่อขึ้นบอลลูน และทดลองนอนในโรงแรมถ้ำ

6. นครใต้ดินไคมัคลี (Underground City)

มาเที่ยวที่เมืองแคปพาโดเชียแล้ว อยากให้ลองมาเที่ยวที่ “นครใต้ดินไคมัคลี (Underground City)” เพราะที่แคปพาโดเชียนี้ มีการขุดเมืองใต้ดินที่ลึกลงไปประมาณ 10 ชั้น ในสมัยก่อนเพื่อเอาไว้หลบศัตรู ในยามที่เกิดสงครามผู้คนก็จะหลบหนีกันลงไปอยู่ในเมืองใต้ดินกันหมด ความโดดเด่นของเมืองใต้ดินนี้คือเป็นเหมือนเมืองขนาดใหญ่ด้านล่าง มีการเชื่อมต่อกันหมด มีทั้งห้องนอน ห้องน้ำ คอกสัตว์ โบสถ์ หรือแม้แต่สถานที่สำคัญๆ มากมายล้วนแต่ถูกย้ายลงมาไว้ที่เมืองใต้ดินนี้

7. หาดโอลูเดนิซ (Oludeniz)

นอกเหนือจากภูมิประเทศแบบเขาแล้ว ที่ตุรกีก็ยังมีภูมิประเทศที่เป็นชายฝั่งทะเลด้วยเช่นกัน ใครชอบเที่ยวชายหาด อยากอาบแดด นอนเล่นริมทะเล แนะนำให้มาเที่ยวที่ “หาดโอลูเดนิซ (Oludeniz)” เป็นชายหาดที่ขึ้นชื่อว่ามีความสวยงามติดท็อป 1 ใน 5 อันดับ ชายหาดที่สวยงามมากที่สุดในโลก น้ำทะเลของชายหาดนี้จะมีสีฟ้าสวยงามแบบบลูลากูน เนื่องจากเป็นทะเลที่อยู่ระหว่างทะเลอีเจี้ยน และทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาบรรจบกันพอดี ใครชอบดำน้ำบอกเลยว่าไม่ควรพลาด เพราะเป็นกิจกรรมยอดฮิต

8. นครโบราณเฮียราโปลิส (Hierapolis)

ใครที่ชอบเที่ยวแบบโบราณสถาน ควรจดสถานที่เที่ยวตุรกีนี้เอาไว้ในลิสต์ได้เลย เพราะว่า “นครโบราณเฮียราโปลิส (Hierapolis)” เป็นนครโบราณที่มีการสร้างขึ้นเป็นอายุมากกว่า 2,000 ปีมาแล้ว เชื่อว่ามีการก่อสร้างนครโบราณเฮียราโปลิสขึ้นก่อนคริสตกาลเสียอีก ภายในเมืองโบราณนี้จะมีครบ ทั้งโรงอาบน้ำ โรงละคร ป้อมปราการ หรือแม้แต่ตลาด ซึ่งถึงแม้ในปัจจุบันนี้จะเหลือแค่ซากปรักหักพัง แต่ก็เห็นได้ถึงความยิ่งใหญ่เมื่อในอดีต

9. ปามุคคาเล่ (Pamukkale)

ฮอตฮิตรองลงมาจากการขึ้นบอลลูนที่เมือง แคปพาโดเชีย (Cappadocia) ก็มี “ปามุคคาเล่ (Pamukkale)” ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพราะขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม เป็นจุดเช็คอิน และถ่ายรูปอีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาด เพราะปามุคคาเล่ หรือว่าปราสาทปุยฝ้ายนี้ เป็นแอ่งน้ำหินปูนที่มีความมหัศจรรย์มาก เกิดขึ้นจากหินปูนที่ทำปฎิกิริยากับอากาศ จับตัวกันเป็นแอ่งๆ และมีธารน้ำแร่ไหลออกมา กลายเป็นแอ่งน้ำสีขาว ที่มีน้ำแร่สีฟ้า แนะนำให้มาเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะว่าจะเป็นช่วงที่น้ำเอ่อล้นแอ่งพอดี

10. The Basilica Cistern

หนึ่งในที่เที่ยวตุรกีที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก เพราะว่า “The Basilica Cistern” เป็นทั้งทางระบายน้ำ และเป็นทางเก็บน้ำใต้ดินโบราณตั้งแต่ในสมัยไบเซนไทน์ ว่ากันว่าที่เก็บน้ำนี้สามารถจุน้ำได้มากถึง 1 แสนตันเลยทีเดียว สำหรับเส้นทางความยาวของทางเดินในชั้นใต้ดินยาวถึง 140 เมตรด้วยกัน ด้านในจะมีเสาโรมันมากมาย ซึ่งจะมีเสาที่ยังคงมีน้ำไหลออกมาตลอดเวลา เป็นสิ่งปลูกสร้างในสมัยก่อนที่น่าทึ่ง และหาดูได้ยากยิ่ง

11. ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar)

ขาช้อปปิ้งรับรองว่าต้องถูกอกถูกใจสิ่งนี้ เพราะที่เที่ยวนี้คือ “ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar)” เป็นตลาดขายของฝาก ของที่ระลึก ของจิปาถะมากมายที่นักท่องเที่ยวนิยมมาแวะซื้อของกัน เพราะมีของให้เลือกหลากหลาย เป็นตลาดเก่าแก่ที่มีของน่าซื้อเต็มไปหมด หากใครที่เที่ยวมาจนเหนื่อย หรืออยากแค่แวะมาซื้อของฝาก แนะนำให้เก็บที่เที่ยวแห่งนี้เซฟเอาไว้ในลิสต์ได้เลย

12. ห้องสมุดเซลซุส (The Library of Celsus)

แม้ว่าจะหลงเหลือแค่เพียงตัวอาคารด้านหน้าของ “ห้องสมุดเซลซุส (The Library of Celsus)” ก็ยังถือว่าเป็นส่วนที่สมบูรณ์ที่สุดของเมืองโบราณเอเฟซุส(City of Ephesus) ที่เป็นเมืองกรีกโบราณ แต่ในปัจจุบันได้ตั้งอยู่ฝั่งอนาโตเลีย ของประเทศตุรกี นับว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่ง และทำให้ได้เห็นความเป็นมา และอารยธรรมของเมืองกรีกโบราณ ซึ่งแต่ก่อนนับว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น ความน่าสนใจจะอยู่ที่สถาปัตยกรรมอันงดงาม และรูปปั้นต่างๆ ที่มีความสวยงาม

13. เมือง Bodrum

แนะนำสำหรับคนที่ไม่ชอบเที่ยวเมืองหลวง หรือไม่ชอบความวุ่นวาย ให้นั่งรถเขยิบไปอีกสักหน่อย หรือว่าจะบินตรงไปเลยก็ได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาทีโดยประมาณ ก็จะพบเจอกับเมืองโบดรุม (Bodrum) เป็นเมืองติดชายทะเลที่สวยงามมาก บ้านเรือนจะเป็นสีขาว และยังมีปราสาท หรือป้อมปราการตั้งอยู่ชายทะเล เป็นเมืองตากอากาศชายทะเลที่ขึ้นชื่อ และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ใครที่ชอบพักผ่อนเงียบๆ หรือชอบเที่ยวเมืองเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีคนมาเที่ยว แนะนำให้มาเมืองนี้เลย

14. Maiden’s Tower

มานั่งชิลล์ริมน้ำ มองน้ำ มองฟ้าพักสายตาจากมือถือ และจอคอมกันบ้างดีกว่า สำหรับ “Maiden’s Tower” เป็นอีกหนึ่งที่ๆ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หลักๆ แล้วที่เที่ยวแห่งนี้จะเป็นประภาคาร หรือหอคอยที่ถูกสร้างขึ้นมาให้อยู่กลางน้ำ เอาไว้สังเกตการณ์ในทะเลในช่วงที่มีสงคราม แต่ต่อจากนั้นมาก็ได้ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ ให้กลายเป็นที่เที่ยวไปแล้ว แนะนำให้มานั่งจิบชา ชมวิวสวยๆ แล้วคุณจะได้จิบชาในวิวที่เรียกว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลกเลยทีเดียว

15. ภูเขาเนมรุต (Mount Nemrut)

ภูเขาเนมรุต เป็นหุบเขาที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี หลายคนเรียกภูเขานี้ว่าเป็นหุบเขาหน้าคน เพราะว่าจะมีรูปปั้นแกะสลักเป็นหน้าเทพเจ้า กระจายอยู่เต็มไปหมดเลย สำหรับสถานที่นี้ก็ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะมีความแปลกตา จนได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก (UNESCO) ซึ่งเหล่ารูปปั้นเหล่านี้ มีความเชื่อกันว่าเป็นรูปปั้นเทพเจ้า และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

อันที่จริงแล้วตุรกีถึงแม้จะเป็นเมืองใหญ่ แต่ก็เที่ยวง่ายกว่าที่คุณคิด เพราะว่าสามารถเดินทางข้ามเมืองกันโดยเครื่องบิน ส่วนใหญ่แล้วเมืองใหญ่ๆ หรือว่าที่เที่ยวหลักๆ ก็จะสามารถบินในประเทศตรงไปได้เลย ช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะ รวมถึงถ้าใครแวะต่อเครื่องนานๆ ก็สามารถปักหมุดที่เที่ยวเหล่านี้เอาไว้ เผื่อเอาไว้เที่ยวคลายเหงา หรือเปิดประเดิมก่อนจะเดินทางไปยุโรป

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร