0

Traveloka TH

03 Apr 2019 - 6 min read

See Angkor Wat and Die ไปนครวัด-นครธม สักครั้งในชีวิต!

คำที่กล่าวไว้โดย Arnold Joseph Toynbee นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีชาวอังกฤษ คงหมายถึง ควรไปชมนครวัดให้ได้ซักครั้งในชีวิตก่อนตาย หลังจากได้เห็นความงดงามและยิ่งใหญ่อลังการของนครวัด แหล่งมรดกโลกที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอประวัติศาสตร์ ความขลัง ความเก่าแก่ ที่แฝงไปด้วยความสวยงามจากสถาปัตยกรรมอันปราณีตของการแกะสลักหิน และความอลังการงานสร้างมากมายของนครวัด-นครธม และที่สำคัญมันอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราแค่ประเทศ กัมพูชา เพื่อนบ้านนี่เอง เราก็ควรจะไปเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนี้ด้วยตาตัวเองก่อนตายกันนะ ไปค่ะเข้า Traveloka หาตั๋วเครื่องบินกันค่ะ ถึงจะใกล้ใกล้ๆ ขับรถไปจอดแถวโรงเกลือได้ แล้วหาเหมารถไปเสียมเรียบสบาย แต่ขอบินละกันค่ะ ได้ตั๋วแล้วก็หาโรงแรมต่อที่ Traveloka เช่นกัน จังหวะดีๆ Traveloka มีส่วนลดตลอดนะเนี่ย ทั้งส่วนลดเครื่อง ส่วนลดโรงแรม คราวนี้ เจอโรงแรม Park Hyatt Siem Reap ราคาดี๊ดี เรานอนหรูหน่อยละกันคราวนี้

จองตั๋วเครื่องบินไปเสียมเรียบ กับTraveloka

รู้ก่อนไปเที่ยวกันหน่อย นครวัด และนครธม อยู่ในเมืองเสียมราฐ (เสียมเรียบ) แดดร้อน และฝุ่นเยอะมากๆ ควรพกหน้ากากกันฝุ่น กันแดด แว่นกันแดด หมวกไปด้วยก็ดี ที่นี่สามารถใช้ได้ทั้งเงิน กัมพูชา (เรียล), ไทย (บาท), ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) แต่ใช้เงิน USD จะได้เรทที่ดีที่สุด แลกแบงค์เล็กๆไปเยอะเลยค่ะใช้ง่าย และสะดวกตรงไม่ต้องขอ VISA ช่วงที่เหมาะสมกับการเดินท่องเที่ยวคือช่วง ธันวาคม – มกราคม ซึ่งสภาพอากาศกำลังเย็นสบาย หรือร้อนน้อยที่สุดนั่นเอง และที่เราต้องมีคือ Angkor pass หรือก็คือตั๋วเข้าชมปราสาทต่างๆในเมืองเสียมเรียบที่สามารถเข้าชมได้เกือบทุกแห่ง ตั๋ว 1 วัน ราคา 37 USD, 3 วัน ราคา 62 USD และ 7 วัน ราคา 72 USD ที่เราต้องไปซื้อที่เดียว คือ ticket center (เปิด5.00 – ปิด17.30 น.) และต้องถ่ายรูปผู้ซื้อเพื่อติดบนตั๋วด้วย พร้อมแล้วไปค่ะ ตามไปเที่ยวกัน หลังจากเช็คอินโรงแรมเรียบร้อน เราออกมาหากาแฟกิน เพราะเสียมเรียบเป็นเมืองท่องเที่ยว ทำให้มีร้านเก๋ๆ ให้นั่งชิมกาแฟอยู่เหมือนกันนะ

คืนแรกเรานอนกันไวหน่อยเลยยังไม่ไปตะลุย pub street เพราะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปรอดูพระอาทิตย์ขึ้น โดยมีฉากหลังเป็นนครวัด ที่เป็นไฮไลท์ ให้เราถวิลหาต้องมานครวัดกัน พอมาเจอสถานที่จริงแล้วก็พบกับมหาชนมากมาย ย้ำว่ามากมายจริงๆ รอชมพระอาทิตย์ขึ้นกันอย่างตั้งใจ แต่พอตะวันเริ่มมีแสงรำไรก็ลืมเรื่องผู้คนที่มากมายไปสนิทใจ มัวแต่ดื่มด่ำจนเกือบถ่ายรูปแทบไม่ทัน

พอเราเต็มอิ่มกับการดูพระอาทิตย์ขึ้น จนเริ่มร้อนเราก็เข้าไปชมนครวัดกันค่ะ“นครวัด” หรือที่ฝรั่ง เรียกกันติดปากว่า อังกอร์วัด Angkor Wat เป็นส่วนหนึ่ง ของโบราณสถานที่เรียกว่า “เมืองพระนคร” โดยมี “นครธม” Angkor Thom เคียงคู่กัน เรียกกันว่า นครวัด-นครธม ตั้งอยู่ที่เมืองเสียมราฐ (หรือ เสียมเรียบ) ประเทศกัมพูชา นครวัดสร้างในรัชสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้ครองอาณาจักรขอมช่วง พ.ศ.1656-1693 ซึ่งขณะนั้นพราหมณ์ฮินดูไวษณพนิกาย นับถือพระวิษณุ (พระนารายณ์) เป็นมหาเทพ รุ่งเรือง พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ทรงสร้างปราสาทนครวัด เป็นเทวาลัยบูชา และให้เป็นที่เก็บพระศพของพระองค์ (ทรงได้พระนามภายหลังสิ้นพระชนม์ว่า บรมวิษณุ ทำให้นครวัดมีอีกชื่อว่า บรมวิษณุมหาปราสาท) นครวัดจึงแตกต่างกับปราสาทอื่นๆ ตรงที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทิศของผู้ตาย แทนทิศตะวันออกตามขนบ ล่วงเข้าสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงเปลี่ยนนครวัดเป็นศาสนสถานพุทธนิกายมหายาน จากช่วงเริ่มสร้างกลางพุทธศตวรรษที่ 17 (พ.ศ.1650-1693) ที่เป็นเทวสถานฮินดู ครั้นถึง พ.ศ.1720 จามบุกขอม พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ต้องทรงย้ายไปเมืองนครหลวง ให้สร้างเมืองนครธมและปราสาทบายน ห่างจากนครวัดไปทางเหนือ เป็นเมืองหลวงใหม่

หลังจากนั้นเรามาที่ ปราสาทบันทายศรี หรือเรียกตามสำเนียงเขมรว่า บันเตียไสร Banteay Srei หรือ Pink Temple หมายถึงปราสาทสตรี หรือป้อมสตรีสร้างตอนปลายสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมินทร์ (พ.ศ.1510) เป็นปราสาทหลังเล็กๆกลุ่มหนึ่ง สร้างด้วยหินทรายสีชมพูแกะและสลักภาพนูนสูงได้อย่างสวยงามมากเป็นปราสาทหินที่ถือได้ว่างดงามที่สุดในประเทศกัมพูชามีความกลมกลืนอย่างสมบูรณ์และเป็นปราสาทแห่งเดียวที่สร้างเสร็จแล้วกว่า1000 ปีแต่ลวดลายก็ยังมีความคมชัดเหมือนกับสร้าง เสร็จใหม่ๆ ปราสาทบันทายศรีมีความอ่อนช้อยงดงามช่างได้แกะสลักอย่างวิจิตบรรจงจนทาให้เหล่านางอัสราและเทพธิดาที่ประดับบนผนังดูเสมือนมีชีวิตจริงๆ

เราไปชมพระอาทิตย์ตกที่พนมบาเค็งไม่ทัน Phnom Bakheng เพราะคนเยอะมากและต้องเข้าคิวซึ่งจำกัดจำนวนคนเข้าด้วย รถที่เราเหมามาเลยพาไปชมพระอาทิตย์ตกกันอีกที่ คือ แปลรูป Prae Roup Temple ซึ่งก็บรรยากาศสวย และรู้สึกโรแมนติกขึ้นมาเลยถ้าไปกับคนรู้ใจ^_^

หลังพระอาทิตย์ลับลาไปแล้ว ก็ได้เวลากลับเข้าเมืองท่องราตรีที่ Pub Street อันโด่งดัง อารมณ์ ก็คล้ายๆถนนข้าวสารบ้านเรา แต่น่าจะใหญ่กว่านะ มีหลายซอยหลายแยกเลย หลังจากเราอิ่มข้าวลองเบียร์ท้องถิ่นแล้ว ก็ต้องไปเดินตะลุยแสงสีที่แหล่งอโคจรของเมืองเสียมเรียบกันค่ะ

เช้าวันรุ่งขึ้นเราตื่นสายหน่อยชิ แล้วไป เมืองพระนคร หรือ นครธม กันค่ะ ไปชม ปราสาทบายน ซึ่งเป็นโบราณสถาน ที่สำคัญที่สุดเป็นลำดับที่สองที่ควรมาเที่ยวชม เมื่อมาเยือนอังกอร์ สร้างขึ้น ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปราสาทบายน สร้างขึ้นจากหินทรายและเป็นสัญลักษณ์ของเขาพระสุเมรุเมื่อมองจากด้านนอกจะแลดูคล้ายกับเขาวงกตแต่ความจริงแล้วลักษณะของ ปราสาทบายน นั้นสร้างขึ้นตามแบบแผนของยันตระซึ่งเป็นเรขาคณิตของพุทธศาสนาของอินเดีย เป็นสัญลักษณ์ของมันดาล่าหรือรูปวงกลมอันเป็นสัญลักษณ์แทนจักรวาลและพลังศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาฮินดูเมื่อได้เข้าไปสัมผัสยังปราสาทแห่งนี้จะรู้สึกเหมือนมีคนคอยจ้องมองเราอยู่ตลอดเวลาซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ประทับใจของปราสาทแห่งนี้

จากนั้นไปต่อที่ ปราสาทตาพรหม(Ta Prohm) เป็นปราสาทที่ถูกทิ้งร้างมานานถึง 500 ปี สร้างขึ้นในปี พ.ศ.1729 เป็นปราสาทหินในยุคสุดท้ายของอาณาจักรขอม สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่ทรงเลื่อมใสในพุทธศาสนา ปราสาทตาพรหมจึงเป็นทั้งปราสาทและวัดทางพุทธศาสนาไปในตัว ภายในปราสาทมีภาพแกะสลักอันเป็นเรื่องราวทางพุทธประวัติ นิกายมหายาน ทั้งหน้าบันและทับหลังแต่ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่8ที่ทรงเลื่อมใสในศาสนาฮินดูภาพสลักบางภาพได้ถูกดัดแปลงให้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาฮินดูส่วนพระพุทธรูปก็ถูกดัดแปลงให้เป็นศิวะลึงค์ แต่ที่นักท่องเที่ยวมาปราสาทตาพรหมแห่งนี้อีกอย่างนั้นก็คือ มาชมและถ่ายรูป รากต้นสะปง ที่เลื้อยทับตัวปราสาท ซึ่งเป็นฉากของภาพยนต์ชื่อดังอย่าง Tomb Raider นั่นเอง

ปราสาทพระขรรค์ Prasat Preah Khan น่าจะเป็นที่สุดท้ายที่เราพอมีเวลาแวะเที่ยวก่อนกลับบ้าน ปราสาทพระขรรค์ หรือที่ชาวเขมรออกเสียง ปราสาทเปรี๊ยะคัน เป็นปราสาทหินในยุคท้าย ๆ ของอาณาจักรเขมร พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างอุทิศถวายแด่พระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 2 ซึ่งเป็นพระราชบิดา เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำขนาดเล็กจำหลักด้วยศิลาทรายตั้งอยู่ภายในปราสาทองค์หนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่เก็บอัฐิของพระราชบิดาของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปราสาทพระขรรค์เป็นศาสนสถานที่ล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลง เป็นที่น่าสังเกตว่า ภาพพระพุทธรูปมักถูกทำลายหรือแก้ไข จะเหลือก็แต่ภาพจำหลักนูนต่ำของฤๅษี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาพฤๅษีกำลังนั่งบำเพ็ญพรตในท่า "โยคาสนะ" (นั่งชันเข่าและไขว้เท้า) สลักอยู่ตามผนังหรือเสาภายใต้ซุ้มเรือนแก้ว

ทริปสั้นๆใกล้ๆบ้านของเราจบอย่างจุใจ เราอาจจะเดินได้ไม่ครบทั้งหมด เพราะ นครวัด นครธม ยิ่งใหญ่เหลือเกิน คุณไม่สามารถเดินครบภายในสามวันแน่นอน แต่แค่นี้ เราก็เห็นด้วยกับ Arnold Joseph Toynbee ที่ว่า “See Angkor and Die” มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ อยากให้ทุกคนมาเห็นด้วยตาแล้วพิสูจน์ดูค่ะว่าเห็นด้วยมั๊ย.............. จนกว่าจะพบกันใหม่

เรื่องและภาพถ่าย โดยRose สำเหร่

ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ www.sinehabangkok.com

Instagram : sinehabangkok

Facebook Fanpage : Sineha Bangkok

Twitter : sinehabangkok

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร