0

Traveloka TH

06 Sep 2019 - 3 min read

รีวิวทริปญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ฟูจิซัง

วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังกับทริปขับรถชิล ๆ ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ฟูจิซัง แถมพิกัดปักหมุดให้ด้วย มาญี่ปุ่นเที่ยวนี้เราเลือกจองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka ที่มีโปรโมชั่นมาตลอด บวกกับมีทีมดูแลลูกค้าที่ประเทศไทยคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง มีคำถามอะไรโทรไปถามได้ตลอด

จองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นกับ Traveloka ได้ที่นี่

จองแล้วก็ตามไปหามุมสวย ๆ ถ่ายรูปกันได้เลย

ทริปนี้มันเริ่มจากจุดที่ว่าพวกเราอยากไปดูใบไม้เปลี่ยนสีกัน เลือกไปเลือกมาก็สรุปได้ว่าไปฟูจิเนี่ยแหละ ใกล้ ๆ โตเกียว ขับรถแป๊บเดียวประมาณ 1 ชั่วโมง และสำหรับใครที่ตั้งใจจะไปถ่ายรูป สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการเช็คสภาพอากาศหาวันที่ท้องฟ้าเปิด เพราะอย่างที่หลาย ๆ คนรู้กันว่า ฟูจิซังค่อนข้างจะขี้อายมาก ๆ บางคนไปหลายครั้งแล้วก็ไม่ได้เห็นก็มี

จองรถกันก่อน

ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่เราตั้งใจจะขับรถไปเองเพื่อความสะดวกในการขับหามุมถ่ายรูปรอบ ๆ ฟูจิ ก็ต้องเริ่มจากการจองรถกันก่อน เลือกกันไปเลือกกันมาด้วยความที่เรากับเพื่อนเป็นคนชอบเรื่องรถกันอยู่แล้ว และก็มีความใฝ่ฝันอยากขับรถสปอร์ตเท่ ๆ ในญี่ปุ่นซักครั้ง เช็คราคากันไปกันมาก็เลยตัดสินใจจองรถสปอร์ตกันไปเลยละกัน ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เพิ่มเงินอีกนิดหน่อยก็ได้เจ้ารถสปอร์ตสีขาวสุดเท่คันนี้มาร่วมเข้าฉากในทริปนี้กับพวกเราด้วย (สีแดงนั่นรถคนอื่นนะฮะ ไปแอบจอดข้าง ๆ เค้าเฉย ๆ 555)

ออกเดินทาง

เรานัดรับรถกันตั้งแต่ 7 โมง แล้วก็เริ่มขับรถออกจากโตเกียวกันเลย ใช้เวลาแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเราก็มาถึง Kawakuchigo เราเริ่มแวะกันจุดแรกกันที่

🍁Parking and view point on Mt. Fuji

ภาพที่เห็นตอนแรกคือต้องบอกว่าตกใจมาก เพราะคนมาถ่ายกันเยอะมาก ๆ เกริ่นนิดนึงว่ามุมนี้เนี่ยโด่งดังมาจากการที่มีช่างภาพไทยคนนึงไปถ่ายรูปมุมนี้มาแล้วส่งประกวดจนได้รางวัล หลังจากนั้นภาพก็ถูกแชร์ต่อไปเรื่อย ๆ ทำให้มีคนอยากมาถ่ายภาพมุมนี้กันเยอะขึ้นจนตอนนี้กลายเป็นมุมมหาชนไปแล้ว คนไทยตามมาถ่ายกันเยอะมาก ๆ บอกได้เลยว่าเป็นมุมที่สวยจริง ๆ ใบไม้เปลี่ยนสีที่วางมุมเหมือนเป็นกรอบรูปให้กับภูเขาไฟฟูจิที่อยู่ด้านหลัง ถ้าใครตื่นเช้าหน่อยมารอถ่ายช่วงเช้าเนี่ยจะได้หมอกช่วงเช้าด้วย ยิ่งทำให้ภาพดูสวยยิ่งขึ้นไปอีก เสียดายรอบนี้มาไม่ทัน ไว้จะกลับมาแก้ตัวรอบหน้าละกันนะ

หลังจากถ่ายกันอยู่ที่จุดนี้เกือบชั่วโมง เราก็ไปต่อกันที่จุดที่ 2 นั่นก็คือ

🍁Momiji Tunnel

📷 もみじトンネル

ถ้าใครนั่งรถบัสมาก็จะมายากหน่อยเพราะต้องเดินต่อมาอีกประมาณ 20 นาที แต่ถ้าขับรถมาก็สามารถมาจอดที่นี่ได้เลย มีที่จอดรถฟรีประมาณ 20 คัน ตรงนี้จะเป็นบริเวณที่มีต้น Momiji เรียงรายกันเสมือนเป็นอุโมงค์ที่เต็มไปด้วยใบของต้น Momiji ที่กำลังเปลี่ยนสี ความเจ๋งอีกอย่างของจุดนี้คือแทบไม่มีคนเลย เรียกได้ว่าส่วนตัวมาก ๆ สามารถถ่ายรูปเล่นกันได้อย่างเต็มที่ไม่ต้องเกรงใจใครเลย อยากจะโพสต์ท่าไหนก็จัดกันไปเลยเต็ม ๆ

จุดต่อไปน่าจะเป็นมุมที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยเป็นอย่างดี ใครมาที่นี่ก็ต้องถ่ายภาพมุมนี้นี่แหละ

🍁Pagoda หรือเจดีย์แดงนั่นเอง

สำหรับมุมนี้กว่าจะได้มาก็ต้องออกแรงกันซักหน่อย ต้องไต่บันได 398 ขั้นขึ้นไปด้านบนให้พอได้เหงื่อกัน จากมุมนี้เราก็จะได้เห็นทั้งใบไม้เปลี่ยนสี เจดีย์สีแดง และภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งรวมกันออกมาแล้วเป็นองค์ประกอบภาพที่สวยมาก ๆ พลาดไม่ได้จริง ๆ

หลังจากเดินลงมาจากเจดีย์แดงเราก็แวะเติมพลังหาอะไรกินกันซักเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินทางไปต่อกันที่

🍁Hakkai หมู่บ้านน้ำใส

จุดนี้เราค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อยเพราะว่าใบไม้ยังไม่ค่อยเปลี่ยนสี ยังเขียว ๆ กันอยู่เป็นส่วนใหญ่ เราก็เลยเก็บภาพกันมานิด ๆ หน่อย ๆ ก่อนที่จะเดินทางไปที่จุดต่อไป ซึ่งเราก็นั่ง Search กันตรงนั้นเลยว่าจะไปที่ไหนกันต่อ พอดีมีเพื่อน ๆ ชาวไทยที่ได้รู้จักกันวันนี้ตอนที่เราไปถ่ายรูปกันที่จุดแรก เค้าจะไปรอถ่ายพระอาทิตย์ตกที่ Daikanzan Observation Deck เราเลยขอไปแจมด้วยซะเลย

ขับรถมาประมาณ 1 ชั่วโมงเราก็มาถึง

🍁Observation Deck

แต่ระหว่างทางที่ขับมาก็เจอวิวสวย ๆ ให้แวะจอดกันเรื่อย ๆ เลือกแวะกันได้ตามอัธยาศัยเลย พวกเราแวะถ่ายรูปกันตลอดทางจนมาถึง Daikanzan Observation Deck พระอาทิตย์ก็ใกล้จะตกดินพอดี มุมนี้อยู่บนภูเขา เราเลยจะได้ภาพมุมสูงที่มองเห็นทั้งใบไม้เปลี่ยนสี ถัดไปก็เป็นทะเลสาบ Ashi ถ้ามาในช่วงที่มีคนล่องเรืออยู่เราจะเห็นเรือ Hakone Sightseeing cruise ที่เป็นลักษณะคล้าย ๆ เรือโจรสลัดมาเข้าฉากด้วย มีภูเขาไฟฟูจิตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง พร้อมกับท้องฟ้าและพระอาทิตย์ที่กำลังค่อย ๆ ลับขอบฟ้าไปเรื่อย ๆ บรรยากาศดีสุด ๆ เลยล่ะ

พอแสงหมดเราก็ขับรถกลับไปที่ Kawakuchigo โดยเราตั้งใจกันว่าจะไปดู

🍁Momiji Kairo Kawaguchiko อุโมงค์เมเปิล

ซึ่งจริง ๆ ตรงนี้จะมาตอนกลางวันก็จะได้ภาพที่สวยเหมือนกัน แต่เราไปเจอมาว่าจะมี Light up คือเปิดไฟในช่วงกลางคืน เลยตัดสินใจเก็บไว้มาช่วงกลางคืนดีกว่า พอมาถึงก็ต้องบอกได้เลยว่าประทับใจมาก ๆ ใบไม้นี่แดงแบบแดงได้ใจจริง ๆ บรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ แต่ตรงนี้คนก็จะเยอะหน่อย ต้องใช้เวลาค่อย ๆ หามุมเก็บภาพกันไปเรื่อย ๆ

อยู่ดี ๆ ก็อยากถ่ายดาว

จริง ๆ ตะลอนกันมาทั้งวันตั้งแต่เช้าก็เหนื่อยอยู่นะ แต่คิดว่าไหน ๆ ก็มาแล้วอยากไปถ่ายดาวกันซักหน่อย เพราะนึกขึ้นได้ว่ามีมุมนึงที่ขึ้นไปบนเขาแล้วมองลงมาจะเห็นทะเลสาบ Kawakuchigo และแสงสีของเมืองด้วย ได้พักผ่อนเอาแรงกันนิดหน่อย แล้วเราก็เริ่มออกล่าดาวกันตอนตี 3 ไปที่

🍁Shindou touge

ขับรถขึ้นเขาตรงนี้จะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างสูงเพราะมืดมาก ๆ หลังจากขับกันมาเกือบ ๆ ชั่วโมงเราก็มาถึงที่จอดรถด้านบนซึ่งจอดได้ประมาณ 4-5 คัน แล้วเราก็ต้องเดินต่อขึ้นไปอีก 15 นาที โดยที่นี่จะมีจุดชมวิวอยู่ 2 จุด ก็เลือกได้ว่าอยากจะอยู่จุดไหน แต่เราเลือกไปที่จุดที่ 2 ซึ่งอยู่สูงกว่า พอขึ้นไปก็ต้องร้อง โอ้โห! ไม่ใช่เพราะสวยนะ แต่คนเต็มเลย 555 มาตั้งขาตั้งกล้องรอถ่ายรูปแสงแรกของวันกันเต็มไปหมด ก็ไปขอ ๆ เค้าแอบแทรก ๆ หามุมมาได้นิดนึง แล้ววันนั้นถือว่าโชคดีมากที่มีเมฆทรงกลม ๆ ที่เราเคยเห็นตามรูปภาพของคนอื่น ๆ ลักษณะเหมือนเป็นฟูจิซังกำลังสวมหมวกอยู่ ช่วงเวลานั้นคือรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก คุ้มที่อดหลับอดนอนแล้ว ใครที่อยากมาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้อย่าลืมพกเสื้อผ้าหนา ๆ มากันด้วยนะ อากาศหนาวมาก ๆ

ส่งท้ายด้วยปรากฎการณ์(เกือบจะ)ฟูจิไดมอนด์

หลังจากถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นแล้ววันนั้นเราก็ขับรถวน ๆ กลับไปถ่ายรูปที่เดิมบ้าง หาอะไรกินแล้วก็แช่ออนเซ็นรอเวลาบ้าง อยากจะถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกอีกซักรอบก่อนกลับโตเกียว เราเลยไปกันที่ ทะเลสาบยามานากาโกะ (Yamanakako)

🍁ทะเลสาบยามานากาโกะ (Yamanakako)

ก็ได้เจออีกหนึ่งปรากฎการณ์ที่ทำเอาตื่นเต้นและดีใจมาก ๆ นั่นก็คือ ฟูจิไดมอนด์ ซึ่งเป็นมุมที่พระอาทิตย์ตกลงตรงกลางปล่องของภูเขาไฟฟูจิพอดี ถึงแม้ว่าวันที่เห็นจะยังไม่ตรงกลางเป๊ะ ๆ มีเหลื่อมมาด้านข้างนิดหน่อย แต่แค่นี้ก็ฟินสุด ๆ แล้วล่ะ ในที่สุดเราก็ต้องโบกมือ บ้ายบายฟูจิซัง ระหว่างที่ขับรถกลับโตเกียวเรายังคงพูดถึงทริปนี้กันอย่างสนุกตื่นเต้นตลอดทาง เป็นอีกหนึ่งทริปที่เป็นความทรงจำที่ดีสุด ๆ ไปเลย

นี่ไม่ใช่การมาภูเขาไฟฟูจิครั้งแรกของพวกเรา แต่เป็นการมาด้วยการขับรถเป็นครั้งแรก ซึ่งมันทำให้เราได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ จากภูเขาไฟฟูจิที่เราเคยเห็นก่อนหน้านี้ และยิ่งทำให้เราหลงรักฟูจิซังมากขึ้นไปอีก เราจะได้กลับมาเจอกันอีกแน่นอน แล้วเจอกันใหม่นะคุณฟูจิ อาริกาโตะ

สรุปค่าใช้จ่าย

ใครที่อยากเช่ารถแบบนี้ไปขับเล่นชมภูเขาไฟฟูจิกัน อันนี้เป็นราคาคร่าว ๆ สำหรับใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์สนุก ๆ แบบนี้ก็ลองดูนะ

ค่าทางด่วนไปกลับ จาก Ikebukuro ไป Kawakuchiko 1,500 บาท (¥5,340)
ค่าน้ำมัน ประมาณ 1,150 บาท ¥4,000
ค่าเช่ารถรวมประกันวันละ 5,100 บาท ¥17,800

ใครที่สนใจมุมถ่ายภาพเจ๋ง ๆ ในญี่ปุ่น ไปติดตามพวกเรากันได้ที่

FB: Hi Cheese-su

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร