0

Traveloka TH

19 Nov 2019 - 5 min read

รีวิว Japan Airlines สัมผัสวิถีการชงชาแบบดั้งเดิมสู่วิถีการบินสมัยใหม่

“โอฮาโย โกะไซมัส” “คนนิจิวะ” “คมบังวะ” ขอสวัสดีทักทายทุกคนที่เข้ามาอ่านไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า ตอนบ่าย หรือตอนเย็นด้วยภาษาญี่ปุ่น เพื่อให้เข้ากับบรรกาศการรีวิวสายการบินชื่อดังของญี่ปุ่น “Japan Airlines” หรือสายการบินที่ใครหลายคนเรียกสั้นๆว่า Jal ซึ่งถ้าใครที่กำลังคิด และวางแผนอยากจะเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น หรือประเทศอื่นๆแต่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อตั๋วสายการบินไหนไปดี อ่านรีวิวนี้จบอาจจะอยากลองตัดสินใจเข้าเว็บ Traveloka แล้วกดตั๋วบินของ Jal เลยก็ได้

จองตั๋วเครื่องบิน Japan airlines

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงอาจจะสงสัย เอ๊ะ!! แล้ววิถีการชงชามันเกี่ยวอะไรกับการบิน

งั้นผมคงต้องขออนุญาตเริ่มรีวิวด้วยการแนะนำภาษาญี่ปุ่นให้ทุกคนรู้จักเพิ่มหนึ่งอีกคำซึ่งก็คือคำว่า “โอโมเตะนาชิ” ที่มีรากฐานมาจากจิตวิญญาณของวิถีการชงชาแบบญี่ปุ่นที่มักจะหันหน้าตรงให้กับผู้มาลิ้มรส เพื่อสื่อความหมายถึงความโปร่งใส จริงใจ และการใส่ใจในเรื่องเล็กๆน้อยๆ เหมือนในหลายอย่างที่เรามักจะได้เห็นในญี่ปุ่น ซึ่งสายบิน Jal ก็ได้นำจิตวิญญาณของ โอโมเตะนาชิ มาผสมผสานกับการบินแบบสมัยใหม่เพื่อมอบบริการที่โปร่งใส จริงใจ และใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆไม่แพ้กัน

โดยสายการบิน Japan Airlines ที่บินจากกรุงเทพฯไปญี่ปุ่นจะมีให้บริการ 5 ไฟลต์ต่อวัน และมีเครื่องบินให้บริการอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ Boeing 787 และ Boeing 777 200

รีวิวJapan AirlinesBoeing 787

บนเครื่อง Boeing 787 นั้นจะแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ Business Class และ Economy Class


ในส่วนของ Business Class ก็จะมีพื้นที่นั่งกว้างขวาง และสบายสุดๆ บนเบาะจะมีหมอน ผ้าห่ม และเมนูอาหารเครื่องดื่มเตรียมไว้ให้ โดยที่นั่งจะสามารถปรับเอียงนอนได้สูงสุดถึง 171 องศา (ละเอียดกันถึง 1 องศาเลยทีเดียว) เรียกได้ว่าเกือบจะนอนราบ รับรองหลับสบายทั้งไฟลต์แน่นอน

และหากใครเลือกจะบินในเส้นทางที่ไกลกว่าญี่ปุ่นอย่างเช่น อเมริกา ในชั้น Business Class ของเครื่องบินทั้ง Boeing 787 และ Boeing 777 200 ก็มีบริการ Anytime You Wish ที่สามารถสั่งของกินทำแบบสดๆบนเครื่อง เช่น ราเมง, ข้าวแกงกะหรี่ หรือเครื่องดื่มต่างๆได้ตลอดเวลาตามที่ต้องการ สั่งกันให้อิ่มหนำจุกๆกันไปเลย

ในส่วนของ Economy Class บน Boeing 787 นั้น ถึงที่นั่งจะไม่ได้สบายเท่าชั้น Business แต่ก็ยังถือว่านั่งสบาย แถมมีพื้นที่วางขากว้างกว่าปกติทำให้นั่งแล้วไม่รู้สึกอึดอัด เข่าไม่ชน อีกทั้งหมอนรองหัวยังสามารถปรับระดับความสูงให้พอดีหัว ได้ และมีจอภาพแผงสัมผัสส่วนตัวให้เราได้รับชมความบันเทิงบนเครื่องด้วย

รีวิว Japan Airlines Boeing 777 200

มาถึงคิวของเครื่องบินที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Japan Airlines เพราะได้รับรางวัลระดับโลกจาก Skytrax World Airline Awards ถึง 4 ปีซ้อนกับที่นั่งชั้นประหยัดที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในโลกซึ่งเป็นผลมาจากการคิด และใส่ใจบริการแบบ “โอโมเตะนาชิ” นั้นแหละ

และนี่ก็คือหน้าตาของที่นั่งที่ได้รับรางวัล

และทำไมถึงได้รับรางวัลน่ะหรอ? ก็เพราะสายการบิน Jal ได้ลดจำนวนที่นั่งบนเครื่องบินลงเพื่อนำมาเพิ่มพื้นที่ให้กับที่นั่งแต่ละตัวให้ด้วยความละเอียดในระดับเซนติเมตร เช่น เพิ่มพื้นที่เบานั่งให้ใหญ่ขึ้นอีกประมาณ 7 ซม. หรือเพิ่มพื้นที่วางขาอีก 5-10 ซม. แม้จะสูงยาวเข่าดีแค่ไหนก็ไม่มีการนั่งให้เข่าชน

เป็นไงครับแค่ดูในภาพก็สัมผัสได้ถึงความกว้างแล้วใช่ไหม

และในส่วนของ Business Class ก็ไม่น้อยหน้าครับ เพราะได้รางวัล Skytrax World Airline Awards มาเหมือนกันในปี 2013 สรุปก็คือไม่ว่าเราจะเลือกนั่งส่วนไหนของเครื่องบิน Boeing 777 200 ก็เหมือนเรากำลังนั่งทับอยู่บนรางวัลระดับโลก โดยหน้าตาของที่นั่งชั้น Business นั้นมาพร้อมกับดีไซน์ที่ทันสมัยแปลกตา

ซึ่งมาพร้อมกับความเป็นส่วนตัว และพื้นที่กว้างขวางนั่งสบายแบบสุดๆกันไปเลย ที่สำคัญตัวเบาะที่นั่งยังสามารถปรับเอนได้ถึง 180 องศาแถมมีช่องวางขาลอดเข้าไปได้เปรียบเสมือนว่าเรากำลังอยู่บนที่นอนจริงๆ

เห็นภาพแล้วเชื่อหรือยังว่ามันนอนสบาย 180 องศาแบบจริงๆ ส่วนในเรื่องความบันเทิงก็มีพร้อมให้ครบครันไม่ต่างจากของ Boeing 787

ส่วนพนักงานบนเครื่องก็คงไม่ต้องพูดถึง เพราะให้บริการสุภาพนอบน้อมเหมือนถอดตำรามาจากญี่ปุ่น แต่สิ่งที่อยากให้สังเกตคือวิธีการกุมมือของพนักงานเวลายืน เพราะเขาบอกว่าพนักงานจะกุมมือเป็นรูปหัวใจ สื่อถึงการบริการด้วยใจ อะหื้ม!! บอกได้คำเดียวว่า “โอโมเตะนาชิ” มากจ่ะ

และทั้งหมดนี้ ยัง!! ยังครับ ยังไม่หมด เพราะไหนๆก็พูดถึงสายการบิน Japan Airlines แล้ว ถ้าไม่พูดถึงห้องรับรองสนามบิน หรือที่เขาเรียกว่า “ซากุระ เลานจ์” ก็คงจะไม่ได้ เพราะเป็น Japan Airlines Sakura Lounge นอกประเทศญี่ปุ่นแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทยของเรานั้นเอง ปรบมือ!!

ซึ่งใครที่ซื้อตั๋ว Jal ไว้ แล้วอยากไปใช้บริการก็อย่าลืมสังเกตป้ายนี้ให้ดี โดยซากุระ เลานจ์นั้นจะตั้งอยู่ที่ชั้น 3 บริเวณทางออกขึ้นเครื่อง E

เมื่อเข้ามาแล้วก็จะมีพนักงานคอยต้อนรับให้บริการอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ พร้อมมีรางวัลสายการบิน 5 ดาวระดับโลกตั้งอยู่ (จะได้รางวัลเยอะไปไหนเนี่ย) ซึ่งภายในเลานจ์จะถูกตกแต่งอย่างเรียบหรูในสไตล์ญี่ปุ่น ด้วยการเน้นลวดลายของไม้ที่ดูสบายตา

ใครที่มีสัมภาระเยอะก็สามารถฝากของไว้ที่ล็อคเกอร์ซึ่งเขาเตรียมไว้ แต่ก็ไม่ได้มีจำนวนมากพอจะที่รองรับคนที่มาใช้บริการทุกคนนะ เพราะในเลาจน์สามารถรองรับผู้ได้สารได้ถึง ประมาณ 140 คน เพราะฉะนั้นจะให้มีล็อคเกอร์ 140 ตู้คงจะเป็นไปไม่ได้

สำหรับคนที่รู้สึกร้อน เหนียวตัว และอยากเดินทางออกด้วยความสดชื่นที่นี่เขาก็มีห้องอาบน้ำไว้รองรับด้วยนะ โดยจะมีจำนวนห้องทั้งหมด 3 ห้อง ซึ่งจะต้องไปรับอุปกรณ์จองคิวที่เคาน์เตอร์ เมื่อถึงคิวเราเครื่องก็จะแจ้งเตือนให้เรารู้ ซึ่งหน้าตาของเครื่องก็จะเป็นแบบนี้

โดยความพิเศษของห้องอาบน้ำคือเขาจะเช็ดพื้นให้แห้ง และสะอาดก่อนเราเข้าเสมอ ไม่ต้องกลัวลื่น หรือกังวลเรื่องพื้นห้องน้ำเปียกจากคนที่ใช้บริการก่อนหน้า

เมื่อเข้ามาในห้องเลานจ์จะสัมผัสได้ถึงความกว้างขวาง แต่รู้สึกอบอุ่น และให้ฟิลถึงความเป็นญี่ปุ่นที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอาหารชวนน้ำลายไหล โดยคอนเซ็ปของซากุระ เลานจ์ทั่วโลกจะต้องมีที่นั่งติดหน้าต่าง หรือเปิดวิวให้เห็นสนามบินเพื่อรับแสงแดดธรรมชาติ และไม่รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในห้องปิดทึบเพื่อความรู้สึกสบายใจของผู้ใช้บริการ ช่างใส่ใจรายละเอียดตามวิถีชงชาจริงๆ

มาถึงในส่วนของของกินกันบ้าง รับรองว่าทั้งสายกิน สายดื่มจะต้องฟินไปตามๆกัน โดยเฉพาะข้าวแกงกระหรี่เนื้อที่เป็นซิกเนเจอร์ของ Japan Airlines ที่ใครหลายต่างคนพากันบอกว่า อาโหร่ยยยยยย (โปรดทำเสียงเหมือนโชเล่เชิญยิ้มเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน)

ว่าแล้วก็ต้องตักใส่จานกันสักหน่อย แต่สำหรับคนไม่กินเนื้อก็ไม่ต้องกังวล เพราะเขามีแกงกระหรี่ไก่ไว้รองรับด้วยซึ่งผมก็เลยถือโอกาสลองชิมทั้งสองอัน (หิวแหละ) ขอบอกเลยว่าเรื่องความหอม และความเข้มข้นของแกงกระหรี่เนี่ยแทบไม่ต่างกันเลย จะต่างก็เพียงเนื้อสัมผัสของไก่ และวัวเท่านั้นแหละ

แต่ไม่ใช่เพียงแค่แกงกระหรี่ เมนูอื่นๆก็รสชาติอร่อยถูกปากไม่แพ้กัน

ส่วนตัวรองผมใหัเมนูหมูแฮมเบิร์กผัดซอสมะเขือเป็นอันดับสองรองจากจากแกงกะหรี่ เพราะเนื้อมันช่างนุ่มละมุนลิ้นคลุกเคล้าอย่างลงตัวไปกับความเข้มข้นของมะเขือ

ไส้กรอกกับไข่ก็มีนะ หรือใครชอบกินปลาเมนูปลาก็อร่อยไม่แพ้กัน

สายหวานก็มาาา มีให้เลือกทั้งสายขนมปัง และสายเค้ก เห็นแล้วก็หวานปากอยากกินอีก

อีกสิ่งที่อยากให้ลอง (จริงๆยังมีอีกเยอะนะแต่ถ่ายมาหมดไม่ไหว) ซึ่งก็คือซอสสาหร่ายที่มาพร้อมกับรสชาติเค็มๆตัดกับข้าวกินเพลินไม่รู้ตัวจ้า อ้อ พูดถึงข้าว เกือบลืมบอกไปครับว่าข้าวที่เขาใช้เป็นข้าวออแกนิคด้วยนะครับเพราะเข้าใส่ใจถึงความเป็นธรรมชาติ และปลอดภัย

หรือถ้าใครยังไม่หิวเขาก็มีขนมกรุบกริบ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้กินเล่นรองท้องเหมือนกันนะ

สำหรับใครที่เป็นสายดื่มก็มีเครื่องดื่มหลากหลายให้เลือกกินเช่นกันตั้งแต่น้ำอัดลม, น้ำผลไม้, กาแฟ, สาเกญี่ปุ่น, เหล้าบ๊วย, ไวน์ หรืออื่นๆอีกมากมาย ลองดูจากภาพเอาเองแล้วกันครับ

นี่แค่ส่วนหนึ่งนะครับยังมีให้เลือกดื่มกันอีกเพียบ

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วหลายคนคงสัมผัสได้ถึงจิตวิญวาณการบริการแบบญี่ปุ่น “โอโมเตะนาชิ” จนเริ่มสนใจอยากลองใช้บริการ Japan Airlines กันแล้วใช่ไหม? ซึ่งผมขอแนะนำให้ลองเข้าไปดูตั๋ว และซื้อผ่าน Traveloka เพราะเขาจะคัดตั๋วราคาที่ดีที่สุดมาให้แล้วไม่ต้องเสียเวลาไปเปรียบเทียบเอง อีกทั้งยังมีโปรโมชันดีๆให้บ่อยๆด้วยครับ แล้วออกไปฟิน อิน บินไปกับความเป็นญี่ปุ่นที่พร้อมบริการทุกคนด้วยความใส่ใจ จริงใจ และใสสะอาดจากปรัชญา และหัวใจของวิถีการชงชากันครับ !!!

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร