Traveloka TH
15 Nov 2019 - 10 min read
ฮานอยเป็นอีกหนึ่งเมืองที่อยากจะแนะนำสำหรับใครที่อยากไปเที่ยวแบบไม่ต้องลางาน ไม่ต้องหยุดงานหลายๆ วัน เพราะว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองไทย นั่งเครื่องบินเพลินๆ ไม่เกิน 2 ชั่วโมง ก็ได้ตะลอนเที่ยวเมืองที่มากไปด้วยเสน่ห์ในหลายๆ ด้าน ทั้งวิถีชีวิต วัฒนธรรม อาหารการกิน ที่สำคัญคือการจราจรคับคั่งสุดๆ แห่งหนึ่งในเอเชีย เที่ยวฮานอย 2 วัน 1 คืน ตะลุยเมืองเก่าแบบไม่ต้องลางานก็เที่ยวได้
จองตั๋วเครื่องบินไปฮานอย กับTraveloka
รอบนี้บินกับ Thai Lion Air เพราะได้ตั๋วเครื่องบินในราคาโดนใจ ประมาณไป-กลับ สองพันบาทนิดๆ ไม่รอช้า รีบจองเลยทันที เอาจริงๆ ถูกกว่าตั๋วเครื่องบินไปเชียงใหม่ในช่วงไฮซีซั่นซะอีก สำหรับการเที่ยวฮานอยรอบนี้ ไม่ได้ลางาน เพราะว่าบินไปเที่ยวฮานอยแค่เสาร์ - อาทิตย์ก็พอ
เตรียมพร้อมเตรียมลุยฮานอยด้วยการแลกเงิน ซื้อซิมโทรศัพท์ แล้วเรียกใช้บริการแท็กซี่ จากสนามบินนอยไบ (Noi Bai) ไปยังโรงแรมที่พักในย่านโอลด์ควอเตอร์ (Old Quarter) พักหายเหนื่อยสักแป๊บ จัดแจงกางแผนที่ แล้วเริ่มต้นสำรวจกันเลย
ย่านโอลด์ควอเตอร์ (Old Quarter) ทางตอนเหนือของทะเลสาบฮหวานเกียม เป็นย่านเมืองเก่าอายุกว่า 600 ปี ที่เป็นศูนย์รวมทุกสิ่ง ตั้งแต่โรงแรมที่พักทุกระดับทุกดาว ร้านอาหารพื้นเมืองมีทั้งนั่งยองๆ และร้านหรูดูดี ตกแต่งเริ่ด เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในฮานอย มีร้านกาแฟให้นั่งจิบพร้อมชมบรรยากาศสุดแสนจะมีชีวิตชีวาของฮานอย ที่เต็มไปด้วยเสียงแตรรถให้สะดุ้งได้ทุกๆ นาที
ความโดดเด่นของย่านโบราณแห่งนี้ คือถนนสายเล็กๆ ทับซ้อนทะลุถึงกันเหมือนตาหมากรุก ชาวเวียดนามเรียก ย่านเฝอเฟือง (Pho Phuong) หรือถนน 36 สาย ในอดีตถนนแต่ละสายจะขายของหัตถกรรมสอดคล้องตามชื่อเรียกถนน ปัจจุบันยังคงรักษาเอกลักษณ์วัฒนธรรมและอาชีพดั้งเดิมไว้ เช่น เสื่อ เครื่องเงิน เครื่องยาจีน ขนมลูกอม อุปกรณ์เย็บปักถักร้อย เครื่องสแตนเลส เครื่องมือช่าง ไม้ไผ่ ผ้าไหม เสื้อผ้า รองเท้า ตุ๊กตาและของเล่น สนนราคาขึ้นอยู่กับความในการต่อรอง
ถนนคนเดินยามค่ำ ณ จุดตัดของถนนเก่าโก (Cau Go) ถนนฮางซาย (Hang Gai) และถนนฮางเด่า (Hang Dao) แหล่งช้อปปิ้งของฝากสำหรับคนขี้เกียจเดินตะลอนๆ ไปตามถนนสายต่างๆ ในช่วงกลางวัน ข้อสำคัญ ราคาถูกกว่ากันเยอะ แถมยังต่อรองได้อีก ช้อปกระจายตั้งแต่เย็นวันศุกร์ยาวไปถึงเย็นวันอาทิตย์
วิถีชีวิตของผู้คนบนถนน 36 สาย ในย่านเมืองเก่า อาคารบ้านเรือนสมัยเก่าก่อนยังมีให้เห็นทั่วไป ภาพแม่ค้าขายดอกไม้และผลไม้อันหลากหลายท้ายรถจักรยานตามถนนสายต่างๆ ล้วนเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาสัมผัสสักครั้งในชีวิต
ฮานอยขึ้นชื่อในเรื่องอาหารการกิน มีอาหารให้เลือกชิมตั้งแต่ร้านรวงริมทาง (Street Food) จนถึงร้านหรูดีไซน์การตกแต่งล้ำๆ เมนูคาวหวานมีครบ เลือกชิมไม่ถูกกันเลยทีเดียว
บั๊นจึง (Bánh chưng) หน้าตาคล้ายบ๊ะจ่าง ห่อข้าวเหนียวใบตองใส่ถั่วเหลืองถั่วดำแดง รองด้วยมันหมู
แบ๊งโจยเต่า หรือ บัวลอยน้ำขิง ชาวไทยเรียกติดปากว่า บัวลอยญวน
เฝอ (Pho) เมนูประจำชาติ ที่พบเห็นได้แทบทุกตรอกซอกซอย มีให้เลือกทั้งหมู เนื้อและไก่ เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่น้ำซุป ที่ผ่านการเคี่ยวอย่างยาวนาน
สองตึก ณ จัตุรัส Dong Kinh Nghia Thuc แหล่งแฮงเอาท์สุดฮิตของเหล่าวัยรุ่นและนักท่องเที่ยว ร้านกาแฟและร้านเบียร์ต่างๆ ที่ชั้นบนคือจุดชมวิวอันดีเลิศ ชมวิวธรรมชาติอันร่มรื่นของทะเลสาบฮหว่านเกียม และถนนย่านเฝอเฟืองที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน
ทะเลสาบฮหว่านเกียม (Hoan Kiem Lake) หรือทะเลสาบคืนดาบ สวนสาธารณะใจกลางเมือง หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของฮานอย แหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวฮานอย ตั้งแต่เด็กเล็ก หนุ่มสาว ยันผู้เฒ่า บริเวณรายรอบเต็มไปด้วยโรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และแหล่งช้อปปิ้ง กลางทะเลสาบค่อนมาทางทิศใต้มีทาพรัว (Thap Rua) หรือหอคอยเต่า มีลักษณะคล้ายเจดีย์โบราณทรงสี่เหลี่ยม สร้างในศตวรรษที่ 18
วัดเนินหยก หรือ วัดหง็อกเซิน (Ngoc Son) วัดเล็กๆ บนเกาะทางตอนเหนือของทะเลสาบ มีสะพานเทฮุก (The Huc) หรือ สะพานแสงอาทิตย์ สีแดงสดทอดยาวจากริมฝั่งสู่ตัววัด สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 เพื่อเป็นเกียรติแก่ เฉินฮังโด่ว (Tran Hung Dao) นายพลเอกผู้ขับไล่กองทัพมองโกลของจีน ภายในมีวิหารชั้นเดียว แท่นบูชาเทพเจ้า ฆ้องและระฆังโบราณ เป็นที่ประดิษฐานประติมากรรมท่านนายพลเตรินฮังโด่ว และมีห้องแสดงตะพาบน้ำยักษ์สายพันธุ์แยงซี จากทะเลสาบสตัฟฟ์ไว้ให้ชม
วิหารวรรณกรรม (Literature temple) หรือวันเหมียว (Van mieu) มหาวิทยาลัยแห่งแรกของเวียดนาม สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่ขงจื๊อ ปราชญ์ชาวจีน ผู้ยึดมั่นในคุณธรรมความถูกต้อง ต่อมาได้สร้างโรงเรียนสำหรับขุนนาง เพื่อศึกษาเล่าเรียนและสอบเป็นจอหงวน จนถึงปลายศตวรรษที่ 18 และถูกทิ้งให้รกร้าง ปัจจุบันได้รับการบูรณะให้เป็นสถานที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์เวียดนาม ภายในวิหารวรรณกรรมมีพิพิธภัณฑ์ศิลปกรรม รวบรวมผลงานด้านศิลปกรรม ทั้งงาน ปั้น งานแกะสลัก และรูปภาพ ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน
มหาวิหารเซนต์โยเซฟ (St. Joseph Cathedral) บนถนนยาจุง ทางด้านตะวันตกของทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม เป็นเเลนด์มาร์คที่สำคัญอีกเเห่งของเมืองฮานอย นับเป็นโบสถ์คริสต์ที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุดของฮานอย และเป็นศูนย์รวมชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในฮานอย เป็นโบสถ์รูปแบบนีโอโกธิก โดยมีต้นแบบเป็นวิหารนอทเทอร์ดามในกรุงปารีส ปัจจุบันยังคงมีชาวคริสต์มาฟังเทศน์ทุกวันอาทิตย์ และจะคึกคักมากเป็นพิเศษในวันคริสต์มาส
พิพิธภัณฑ์เรือนจำฮัวโล (Hoa Lo Prison Museum) เรือนจำที่ถูกใช้คุมขังผู้ต่อต้านชาวเวียดนาม ในสมัยที่ยังเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ต่อมาเมื่อฝรั่งเศสถอนตัวจากเวียดนาม เรือนจำแห่งนี้ถูกเวียดนามเหนือใช้เป็นสถานที่คุมขังเชลยศึกและนักโทษชาวอเมริกัน ในช่วงสงครามเวียดนาม จนได้ฉายาสุดแสบว่า “ฮานอยฮิลตัน” (Hanoi Hilton) ไม่ใช่โรงแรมสุดหรู หากแต่เป็นคุกเวียดนามที่มีชื่อเสียงโหดร้ายที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสงครามเอเซีย
ฮานอย เมืองมากเสน่ห์ ยังมีอะไรอีกมากมายให้ค้นหาและมาสัมผัสด้วยตัวเอง โดยเฉพาะย่านเมืองเก่าโอลด์ควอเตอร์ สวรรค์ของนักช้อป นักชิม คอกาแฟ ขาเซลฟี ใครมีเวลาเที่ยวน้อย ลางานไม่ได้ แนะนำให้ลองทริปนี้ดีต่อใจมาก