0

Traveloka TH

15 Jul 2018 - 13 min read

แบกเป้เที่ยว ‘ปีนัง’ 3 วัน 2 คืน! เมืองเก่าโคตรฮิป! เที่ยวง่าย แถมราคาโคตรถูก

ถ้าให้ลิสต์ประเทศเพื่อนบ้านน่าเที่ยว ที่อยู่ใกล้บ้านเรา หนึ่งในนั้นต้องมี ‘ประเทศมาเลเซีย’ แน่นอน!
และเมืองฮอตฮิตติดลมบน ที่ทุกคนอยากมาเช็คอินมากที่สุดของมาเลเซียก็คือ ‘ปีนัง’
เมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และ สถาปัตยกรรม งานกราฟิตี้ต่างๆที่โคตรมีเสน่ห์

ทำให้เราเห็นรูปในอินเตอร์เน็ต แล้วพุ่งเข้าเว็บไปจองตั๋วเครื่องบินเลย!
การเดินทางมาที่นี่ง่ายมาก เพราะมีไฟลท์บินตรงจากกรุงเทพเลย
แต่ตอนที่เราจะเดินทางเราอยากเดินทางด้วยรถตู้ข้ามจากหาดใหญ่มา เพราะเวลามันตอบโจทย์กว่า
และอยากจะมีประสบการณ์นั่งรถตู้ข้ามประเทศด้วย (จริงๆอยากนั่งรถไฟแต่เวลาไม่พอ)
เลยเลือกเป็นแบบนั้น ทำให้การเดินทางของเราออกมาในรูปแบบนี้…
ขาไป – บินจากกรุงเทพมาหาดใหญ่ไฟลท์เช้าสุด /นั่งรถตู้จากหาดใหญ่เข้าปีนัง
ขากลับ – บินตรงกลับจากปีนังไปกรุงเทพ
เช็คราคาตั๋วทั้งในประเทศและต่างประเทศทุกเที่ยวบินได้ในเว็บ Traveloka เว็บเดียวจบ!

จองตั๋วเครื่องบินไปปีนัง กับ Traveloka

3 วัน 2 คืน ที่ปีนัง เมืองเล็กๆที่ทำให้เราหลงรักได้ในทันที
“เราชอบปีนังมาก เพราะปีนังเที่ยวง่าย แถมราคาโคตรถูก!
เราเลยสรุปจุดเด่นของปีนังออกมาให้ดังนี้ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการมาเที่ยวที่นี่

หนึ่ง – ปีนังเป็นเมืองเล็กๆที่บ้านเมืองยังคงความเป็นเมืองเก่าและยังอนุรักษ์วัฒนธรรมเดิมๆไว้
ตึกต่างๆเลยยังเป็นรูปแบบเดิมๆที่โคตรมีเสน่ห์!
สอง – ปีนังเที่ยวง่าย ผู้คนสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี
อาหารการกินสำหรับบางคนอาจจะเป็นปัญหาบ้าง แต่สำหรับเราคือโคตรอร่อยเลย 5555
สาม – ปีนังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าไปเช็คอินเยอะแยะมากมาย
และสามารถมาเที่ยวแค่ 3 วัน 2 คืนก็เพียงพอ เก็บได้ครบหมด!
สี่ – สายฮิปสเตอร์ยังไงก็ต้องชอบที่นี่! มุมถ่ายรูปเยอะมาก เรียกได้ว่าทั้งเมือง!
รูปกราฟิตี้เจ๋งๆเต็มไปหมด ใครมาเที่ยวกลับไปก็ลงรูปได้อีกหลายเดือน
ห้า – ปีนังปลอดภัย คมนาคมดี ผู้คนน่ารักมากกกกก : )

5 ข้อนี้น่าจะเพียงพอที่ทำให้ทุกคนอยากลองมาเช็คอินที่นี่ซักครั้งแหละเนอะ
และอย่างที่เราบอกไปว่าเมืองเล็กๆแห่งนี้ มีการคมนาคมโคตรดี! โคตรดีจริงๆ
เรานั่งคุยกับคนพื้นที่ที่นั่น เค้าบอกเค้าอิจฉาประเทศไทยมาก ประเทศไทยมีแต่สถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ
ที่มาเลเซียไม่ค่อยมีมากเท่าไหร่ และที่ไทยก็มีขนส่งให้เลือกหลายอย่าง
ซึ่งนั่นก็จริง แต่เราก็ได้บอกให้เค้าภูมิใจว่า…
“ขนาดรัฐเล็กๆอย่างปีนัง ที่ไม่ใช่เมืองหลวงแต่การคมนาคมยังดีกว่ากรุงเทพเยอะ!” 55555

และเมื่อการคมนาคมมันดี การจะไปไหนมันก็ง่ายมากกกกกก
ทำให้การเที่ยวในปีนังทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย และบริหารเวลาได้หมด เพราะรถเมล์มาตรงเวลา!!
แถมพวกในเมืองการเดินทางไปที่ต่างๆก็โคตรง่าย จักรยานคันเดียวเที่ยวได้ทั่ว!
หรือใครฟิตๆแบบเราก็เดินเที่ยวเอาเลย! อย่างชิลล์

DAY1: หาดใหญ่ – ปีนัง

เราบินจากกรุงเทพไฟลท์เช้าสุดเพื่อให้มาทันนั่งขึ้นรถตู้หาดใหญ่ไปปีนัง
ซึ่งบริษัทรถตู้ที่เราเลือกในการเดินทางก็คือ KST Travel ราคาค่าตั๋ว 450 บาท
การเดินทางของรถตู้ที่นี่จะออกเวลา 09.30 น. และใช้เวลาในการเดินทางถึงปีนัง 4 ชั่วโมง
รถตู้จะขับผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และจะต้องลงมาตรวจเช็คพาสปอร์ตข้ามแดนซักครู่นึง
ก็จะเดินทางต่อ ในวันที่เราเดินทางฝนตกหนักมาก ทำให้เวลาล่าช้าออกไป
รวมเดินทางเกือบ 5 ชั่วโมง! (อย่างกะไปเกาหลี 5555) แต่ถ้าใครไม่อยากเสียเวลาแบบเรา
ก็บินตรงมาได้เลย! เดี๋ยวนี้การเดินทางสะดวกสบายขึ้นมากๆ

และรถตู้บริษัทนี้ เราสามารถบอกที่พักในเมืองปีนังกับพี่รถตู้ได้นะ เค้าวนมาส่งถึงที่เลย! ดีมากๆ : )
หลังจากวนส่งผู้โดยสารทุกคน เราลงจากรถเป็นคนสุดท้ายเลย ได้เช็คอินเข้าที่พักประมาณเกือบๆ 4 โมงเย็นแล้ว!

Check in @Guest Inn Muntri
และตอนที่กำลังเช็คอินอยู่ เราก็เหลือบไปเห็นคนคู่นึงที่พักที่เดียวกัน
กำลังจะเดินไปเที่ยวข้างนอก เลยทักไปด้วยความมั่นใจว่า “คนไทยใช่มั๊ยคะ ?
และนั่นก็เป็นการเปิดบทสนทนาที่ทำให้เรากับพี่ ได้เพื่อนร่วมทาง เพิ่มมากขึ้น 2 คน : )

ใครที่อยากตามรอยเรา ก็จองที่พักGuest Inn Muntri ใน Traveloka ได้เลย นอกจากจะจองง่ายราคาก็ยังดีมากสุดๆ

จองที่พักGuest Inn Muntri กับ Traveloka

เรา 4 คนตัดสินใจเดินเที่ยวเมืองปีนังด้วยกัน หลังจากสอบถามกันได้ความว่า
อาย กับ เอิ๊ก ก็เพิ่งเดินทางมาถึงปีนังวันนี้ด้วยรถตู้เหมือนกัน แต่ถึงก่อนเราเพราะมาก่อนคนละคัน
และนี่ก็เป็นการมาเที่ยวปีนังครั้งแรกของพวกเราทั้ง 4 คนด้วย!

ก อ ง ทั พ ต้ อ ง เ ดิ น ด้ ว ย ท้ อ ง
ก่อนออกเดินทางเราทั้ง 2 ทีมที่กำลังจะรวมกันเป็นทีมเดียวกัน ก็ได้ข้อสรุปว่า…
หาไรกินกันเหอะ หิวโคตรๆเลย! และนั่นก็ทำให้เราไม่มีเวลามานั่งหาข้อมูล
ว่าร้านไหนเด็ด เรียกได้ว่า เดินเจอร้านไหนก็เดินเข้าไปเลย!

และโคตรพีคที่มื้อแรกในปีนัง เราดันเลือกกินอาหารไทย! (เอิ่ม 5555)
คงเพราะการตกแต่งร้านและหลายๆอย่างที่ดึงเราเข้ามาที่นี่
และร้านอาหารไทยนี้เองที่ทำให้เราได้เจอเชฟคนไทยที่เป็นเจ้าของร้านอาหารนี้
ทริปนี้เหวี่ยงแต่คนเจ๋งๆมาให้รู้จัก เรารู้สึกหลงรักปีนังก็ตรงนี้แหละ
เมืองมันเล็กมากจนเดินไปก็เจอคนไทยได้ง่ายๆ
และมันก็คงเป็นเรื่องของ พรหมลิขิต ด้วยแหละมั้งเนอะ
โบกมือลาพี่เชฟ และเริ่มออกเดินทางกัน : )

ด้วยความที่เรามาถึงเย็นมากแล้ว เราเลยคุยกันว่าวันแรกจะเก็บใกล้ๆที่พักกันก่อน
เอาเท่าที่เดินไหว เดินไปเรื่อยๆ ตามแผนที่ที่หยิบฟรีมาจากที่พัก
แค่วันแรกบ้านเมืองของปีนังก็ทำให้เราหลงรักได้แล้วจริงๆ สวยทุกมุมเลย!

ต้องบอกตรงๆว่าเราไม่มีแพลนอะไรเลยจริงๆทริปนี้ กะมาเดินชิลล์ๆเสพสถาปัตยกรรม
กับงานอาร์ตเนี่ยแหละ ทำให้เราไม่ได้ซีเรียสกับการต้องล่าแลนด์มาร์ค
และเช็คอินตามสถานที่ต่างๆมากมาย และก็ดีใจที่คิดตรงกันกับเพื่อนใหม่ทั้ง 2 คน
เรา 4 คนเลยสนิทกันได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ดีใจที่โลกเหวี่ยงคน Lifestyle เดียวกันให้มาเจอกัน
ปีนังวันแรกเลยสนุกขึ้นเยอะมากๆเลย : )

พอพระอาทิตย์เริ่มตกก็ตัดสินใจเดินกลับที่พักกัน
และ พ ร ห ม ลิ ขิ ต ก็ทำงานอีกครั้ง!
พี่เชฟคนไทย เจ้าของร้านอาหารที่เราทานร้านแรก (จำชื่อไม่ได้จริงๆ พยายามคิดละ 5555)
เอาเป็นว่าในรีวิวนี้ ขอเรียกว่า ‘พี่เชฟ’ แล้วกัน

พอเรา 4 คนกำลังจะเดินกลับเข้าที่พัก นางขับจักรยานตามมาหา
พี่เชฟบอกว่ามีคนไทยอยากแนะนำให้รู้จักอีก 2คน เป็นคนไทยที่บังเอิญ
มากินข้าวที่ร้านแกเหมือนกันแต่เป็นเมื่อวานนี้!
พี่เชฟถามพวกเราสั้นๆว่า “สนใจไปกินเบียร์ด้วยกันมั๊ย ?
และแน่นอนว่าคำตอบต้อง Yes อยู่แล้วสิ รอไรล่ะ!!! : )

พี่เชฟพามานั่งร้านพื้นเมืองของที่นี่ พร้อมแนะนำเพื่อนใหม่ให้เรารู้จักอีก 2 คน
คือ พี่ตุ๊ก และ พี่ส่อย เราทั้ง 7 คนคลิกกันได้ไม่ยากเลย
เบียร์ไม่กี่กระป๋องทำให้เราสนิทกันได้ทันที!
เราแลกเปลี่ยนเรื่องราว และเหตุผลต่างๆในการเดินทางมาที่นี่ของแต่ละคน
และวางแผนร่วมกันว่า วันพรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวด้วยกันทั้ง 6 คน
พี่เชฟขอบายเพราะต้องทำงาน และไปมาหลายครั้งแล้ว~

เราเป็นคนหลงรักมิตรภาพจากการเดินทางมาก
และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เราตั้งชื่อเพจท่องเที่ยวที่ไว้แบ่งปันเรื่องราวต่างๆของเรา
ว่า RelationTrips เพราะมันก็หมายถึง ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างตอนไปเที่ยว นั่นแหละ
ไม่ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้เราทั้งหมดได้มารู้จักกันที่นี่ แต่เราก็ดีใจมาก ที่ได้รู้จักทุกคน : )

DAY2: เที่ยวรอบๆเมืองปีนัง

ตื่นมาถ่ายรูปกับเจ้าของโฮสเทลสุดน่ารักของเราก่อน ดูแลดีมากกกกก : )
เวลานัดหมายของเราคือ 10.00 น. ไม่รีบเพราะเมื่อคืนจัดหนัก 5555
เรานัดเจอกันที่หน้าโฮสเทลของพี่ตุ๊ก พี่ส่อย ที่ที่ได้เดินไปส่งมาด้วยกันแล้วเมื่อคืน
คนครบก็ออกทัวร์ได้ เย้!~

ที่แรกที่เราจะไปกันคือ ‘ปีนังฮิลล์’ แลนด์มาร์คโคตรฮิตที่ใครมาปีนังก็ต้องไปเช็คอิน!
การเดินทางไปก็ง่ายมากให้ไปเริ่มต้นขึ้นรถเมล์ตึกคอมต้า มีท่ารถอยู่ตรงนั้น นั่งรถเมล์สาย 204
มีสายเดี่ยวที่ผ่าน นั่งสุดสายเลย! หลงก็บ้าแล้วอ่ะ 5555
(*ลืมบอกไปว่าที่นี่หน่วยเงินเป็น ริงกิตนะ 1 ริงกิต = ประมาณ 10 บาทไทย และรถเมล์ไม่ทอนเงิน)

ประมาณ 40 นาทีเราก็วาร์ปมาถึงปีนังฮิลล์กันแล้ว จริงๆที่นี่สามารถเดินขึ้นไปจุดชมวิวได้ แต่แน่นอนว่าเราไม่เดิน 555
ขึ้นรถรางไฟฟ้าสิจ๊ะ เป็นรถรางเคเบิ้ลค่าตั๋วราคาไปกลับ 30 ริงกิต (หรือประมาณ 300 บาทไทย)
วิวตลอดการเดินทางสวยดีนะ ถ้าอยากเห็นวิวก็แนะนำให้ยืนข้างหน้าตรงกระจก
แต่ก็ต้องเบียดเสียดแย่งกันนิดนึง เพราะเป็นมุมยอดฮิต ใครๆก็แย่งจะยืน 5555

ประมาณ 30 นาทีเราก็ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดของปีนังฮิลล์
บนนี้จะมีที่ถ่ายรูปสำหรับคู่รักเหมือนโซลทาวเวอร์เลย! คล้องกุญแจบลาๆ เหม็นความรักเว่อออจ้า 5555

และมีวัดแขกด้วย สวยมากเลย และที่สำคัญสุดก็คือเราขึ้นมาดูวิวเมืองจอร์จทาวน์ทั้งเมืองนั่นเอง

พักผ่อนกันหายเหนื่อยก็ออกเดินทางกันต่อ แพลนต่อมาเราตั้งใจจะไปวัด Kek Lok Si
รถที่จะสามารถเดินทางไปได้คือสาย 201, 203, 204 นั่ง 204 ได้จากปีนังฮิลล์เลย
ลงรถเห็นวิววัดอยู่ไกลๆ มองหน้ากัน ลงความเห็นตรงกันว่า ไม่เดินไปวัดละกัน! 5555
ความชิลล์ของแก๊งค์ไม่ค่อยแคร์แลนด์มาร์คก็เป็นแบบนี้นี่แหละ
(ใครสนใจจะไปที่นี่ก็เซิสรูปดูบรรยากาศในวัดกันดูนะ 55)

หลังจากนั้นเราก็ไปหาไรกินกันชิลล์ๆและนั่งรถกลับเข้าเมืองจอร์จทาวน์
ลงมติกันว่าจะไป Gurney Drive Hawker Centre (นั่งรถสาย 103)
มันเป็นเหมือนย่านที่รวมร้านเด็ดของกินอร่อยๆไว้
เป็นศูนย์รวม Street Food ของที่นี่ แนะนำเลยให้มาลอง

จบวันแยกย้ายพักผ่อนพรุ่งนี้เราจะตื่นมาเก็บ Street Art ทั้งหมดกัน!

DAY3: STREET ART!

เราโชคดีมากที่มีพี่ตุ๊ก พี่ส่อย ผู้ซึ่งล่ารูปกราฟิตี้ครบทุกรูปแล้ว และรู้จุดทั้งหมดด้วย
และอาสาที่จะพาเราไปถ่ายทุกภาพ! เราเลยไม่หลงเลย เดินเที่ยวเดินถ่ายสนุกมากกก
วันนี้ก็จะมีแค่การไปเดินเก็บภาพถ่ายและทัวร์เมืองส่งท้ายก่อนกลับ

ดินมาซักพักเจอร้านขายกาแฟเลยแว๊บเข้าไปกิน กาแฟปีนัง นี่ดีมากเลย (พี่บอก 55555)
พอดีเป็นคนกาแฟ แต่พี่บอกอร่อย จนเราต้องซื้อกลับไปฝากพ่อเลย!

(เดินเจอไรก็กินมั่วหมด อร่อยมากกกก แนะนำว่ามาซักครั้งให้ลองกินไรแปลกๆนะ
อาหารมาเลเซียเราว่าไม่ทานยากขนาดนั้น เราชอบๆ แต่ความคิดเห็นส่วนตัวนะ ต้องไปลองเอง!)

จริงๆมีเวลาเหลือเยอะมากนะ ใครลอกแพลนเรา เวลาที่เหลือแนะนำให้ไป บาตู เฟอริงกิ
เป็นทะเลของปีนัง แต่พี่ตุ๊ก พีส่อย ไปมาแล้วบอกว่าไม่เวิร์คเท่าไหร่ เราเลยเทไป (ง่ายๆงี้แหละ) 5555

จบทริปด้วยมิตรภาพที่เต็มแน่นหัวใจมากทริปนี้
ขอบคุณทุกๆความทรงจำที่คนแปลกหน้าทั้ง 7 คนช่วยกันสร้างมันร่วมกัน
มันจริงใจและทำให้หลงรักเมืองๆนี้ไปเลย

หลังจากกลับมาจากทริปนี้ พวกเราทั้งหมดยังสนิทกันเหมือนเดิม
และยังออกเที่ยวด้วยกันอีกหลายทริป : )

“คิดถึงปีนัง” ไว้จะกลับไปอีก

ใครมีคำถามสงสัยอะไร ตามเข้ามาที่เพจเราได้น้า : )
ฝากติดตามรีวิวเจ๋งๆอีกเยอะแยะบานเบอะ
ทั้งในไทยและต่างประเทศได้ที่…
FB: RelationTrips
https://www.facebook.com/relationtripsss :)

#RelationTRIPS #Traveloka #Penang #Malaysia

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร